Mazda กระตุ้นตลาดรถยนต์ขนาดเล็กอีกครั้ง ด้วยการปรับไลน์อัพของ Mazda2 กับชื่อรุ่นใหม่ Essential ภายใต้นิยาม “Nothing Else เลือกแล้วว่าใช่ ก็ไม่ต้องการอะไรอีก“

New Mazda2 Essential คือชื่อสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย ของ Mazda2 รุ่นปี 2025 ซึ่งในคราวนี้ ทาง Mazda ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนออพชัน และชื่อรุ่นใหม่เพื่อให้กลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นเจน Z สามารถเข้าถึงตัวรถได้ง่ายขึ้น
โดยไม่ว่าจะทั้งตัวรถรุ่นตัวถังซีดาน และแฮชท์แบ็ค ต่างก็ใช้ชื่อรุ่นย่อยเดียวกัน มีจำนวนไลน์อัพเท่ากัน ราคาเท่ากัน ตัวถังละ 4 รุ่น ได้แก่
- รุ่น 1.3 PRIME รุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 1.3 ลิตร มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน โดดเด่นด้วยไฟหน้าโปรเจกเตอร์แบบ LED พร้อมการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตด้วยกระจังหน้าสีดำ วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 529,000 บาท
- รุ่น 1.3 ULTRA รุ่นกลางครบครันด้วยเทคโนโลยีความสะดวกสบาย พร้อมฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งระบบ Entertainment และความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร อาทิ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay® และ Android AutoTM พร้อมหน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมผ่าน Center Commander
พร้อมตกแต่งภายด้วยแผงคอนโซลหน้าไบโอพลาสติกแบบสี ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense อาทิ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance พร้อมกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง ราคาจำหน่าย 589,000 บาท - รุ่น 1.3 SIGNATURE มอบความ “พร้อมสุด” โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Sport Design พร้อมฟังก์ชั่นทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยและความสะดวกสบายครบครัน ภายนอกตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบ Sport Design กระจกมองข้างสีดำ ภายในตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสีดำ และผ้า Grand Luxe Suede® พร้อมกรอบช่องแอร์สีแดง วางราคาจำหน่าย 659,000 บาท
- รุ่น XDL SIGNATURE มาพร้อมการตกแต่งเบื้องต้นคล้ายรุ่น 1.3 SIGNATURE แต่มีการเพิ่มลูกเล่นหลังคาสีดำ ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว สี Black Machining และดิสก์เบรกหลัง และมอบความประหยัดน้ำมันสูงสุด 26.3 กม./ลิตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-Activsense หลายระบบ วางราคาจำหน่าย 749,000 บาท

โดยรถยนต์ Mazda2 Essential ยังคงมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานด้านความปลอดภัยพื้นฐานครบครันไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อค 4W-ABS ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA เป็นต้น
นอกจากนี้ในรุ่น SIGNATURE ที่มาพร้อมระบบ i-Activesense ก็จะได้แพ็คเกจระบบความปลอดภัยหลายรายการติดตั้งเสริมเข้าไปด้วย ทั้ง
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced Smart City Brake Support)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ HBC (High Beam Control)
- ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support)

ด้านขุมกำลังตัวรถ จะยังคงมีให้เลือก 2 ออพชันดังเดิม คือ
- เครื่องยนต์ Skyactiv-G เบนซิน 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ขนาด 1,299cc ให้กำลังสูงสุด 93 แรงม้า PS ที่ 5,800 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ Skyactiv-Drive 6 สปีด ไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า พร้อมเคลมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
- เครื่องยนต์ Skyactiv-D ดีเซล 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ขนาด 1,499cc เสริมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์ ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า PS ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ Skyactiv-Drive 6 สปีด ไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า พร้อมเคลมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 26.3 กิโลเมตร/ลิตร
New Mazda2 Essential มีให้เลือกทั้งหมด 8 สี ประกอบด้วย
- สีแดง โซลเรด คริสตัล (Soul Red Crystal)
- สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray)
- สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl)
- สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black)
- สีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ (Platinum Quartz)
- สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ (Polymetal Gray)
- สีฟ้า แอร์ สตรีม บลู (Air Stream Blue)
- สีเทา แอโร เกรย์ (Aero Gray)