หนึ่งในจุดขายที่ทำให้หลายคนเลือกซื้อ Mercedes-Benz G-Class คือเรื่องของงานดีไซน์อนุรักษ์นิยม และอาจด้วยความที่ตัวรถรุ่นปัจจุบันดูทันสมัยขึ้นมากเกินไป ทำให้ทางค่ายเลือกที่จะสร้างรุ่นพิเศษ ที่มีชื่อเรียกสุดยาวเหยียดว่า “STRONGER THAN THE 1980s” ขึ้นมา

Mercedes-Benz G-Class “STRONGER THAN THE 1980s” คือตัวรถรุ่นพิเศษที่เบื้องต้นจะมีการผลิตเพียง 460 คันเท่านั้น และอันที่จริง ทางค่ายก็เคยเปรยไอเดียนี้แบบคร่าวๆมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2023 ในฐานะรถตัวแต่งพิเศษฉลองว่าระ G-Class ทำตลาดครบ 500,000 คันทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 1979
และดูเหมือนว่าไอเดียดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากสาวกเป็นจำนวนมาก ทำให้ทางค่ายเลือกนำไอเดียดังกล่าวมาทำขายจริงในอีก 2 ปี ถัดมา โดยเริ่มต้นจากสีตัวถังพิเศษ จากพาเลทสี “Manufaktur” ที่จะมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ สีเขียวอะกาเว Agave Green หรือ สีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพืชอวบน้ำชนิดหนึ่งที่เติบโตในทุ่งแห้งแร้งแถบเม็กซิโก ตระกูลใกล้เคียงกับว่านหางจระเข้ของไทย
และสีเบจ Colorado beige ซึ่งเป็นสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสภาพแวดล้อมของรัฐโดโลราโดในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีแหล่งท่องเที่ยวเป็นอุทยานภูเขาหินสุดตระการตา ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองสีล้วนเข้ากันกับภาพลักษณ์ของตัวรถเป็นอย่างดีเลยทีเดียว
แน่นอนว่าทั้งหมดนั้น ยังดูคลาสิคไม่พอ ตัวรถจึงได้รับการติดตั้งเลนส์ครอบไฟเลี้ยวสีส้มแบบย้อนยุคเข้าไป, เปลี่ยนกระจังหน้า และกันชนหน้าเป็นสีดำด้าน (เป็นสีจากการทำสี ไม่ใช่สีจากเนื้อพลาสติกจริงๆ) เช่นเดียวกับซุ้มล้อ, ติดตั้งตะแกรงกันหินที่ไฟหน้า, ติดตั้งชุดล้ออัลลอยด์ลาย 5 ก้าน สีเงิน, และเมื่อมองกลับไปที่กระจังหน้าอีกที จะพบว่ามันถูกแปะตราสัญลักษณ์แบรนด์แบบเดียวกับที่เคยใช้เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้วอีกด้วย
ส่วนภายในห้องโดยสาร จะมีการติดตั้งแผ่นกันรอยกรอบประตู พร้อมตัวอักษร “G – STRONGER THAN TIME” แบบเรืองแสง, เอมเบลมประจำรุ่นที่เสา B, เบาะนั่งโดยสารหุ้มหนัง พร้อม “ผ้าลายสก็อต” สีเทา, และการปักคำว่า “STRONGER THAN 1980s” สีเทาเอาไว้ที่มือจับบนคอนโซลหน้าผู้โดยสาร, แผงเกียร์ตกแต่งด้วยไม้ พร้อมการทำสีเป็นตัวอักษรหมายเลขลำดับการผลิตเอาไว้
นอกนั้นตัวถรจะถูกตกแต่งด้วยโดนสีเทาเข้ม-เงิน และให้อุปกรณ์พื้นฐานมาครบครัน ทั้ง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังแนปป้า, หน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์รองรับการเชื่อมต่อกับระบบ Apple CarPlay ทำงานร่วมกับชุดลำโพง Hi-Fi จาก Burmester เป็นต้น
โดยตัวรถ G-Class รุ่นพิเศษคันนี้ เบื้องต้นจะมีการวางจำหน่ายเฉพาะในทวีปยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยใช้พื้นฐานตัวรถ เป็น G-Class รหัส 450d, G500, และ G550 แล้วแต่ลูกค้าจะเลือก ด้วยราคาเริ่มต้นที่ราวๆ 6.7 ล้านบาท หากอิงตามทางเลือกที่มีการเปิดเผยราคาวางจำหน่ายเอาไว้แล้วในสหราชอาณาจักร
ส่วนในไทย จะมีการตัดโควต้ามาให้ลูกค้าได้เก็บสะสมหรือไม่ ยังต้องรออัพเดทกันต่อไป