ในบรรดารถยนต์ของ MG ที่หลายคนอาจจะลืมไปแล้ว MG 6 ถือเป็นรถรุ่นที่เข้ามาเปิดตลาดให้หลายคนได้สนใจ แต่รถรุ่นนี้ อายุอานาม ก้นานาเต็มทน ทางเอ็มจี จึงตัดสินใจพัฒนารถ่นใมห่ออกมา และ มันขยายร่kงจนกลายเป็น MG7
รถยนต์ MG7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้ โชว์ทีผ่านมา ในฐานะรถยนต์เก๋งท้ายลาดดีไซน์สปอร์ต และคงความเป็นรถอเนกประสงค์ไว้อย่างเหนียวแน่น
งานออกแบบ รถรุ่นนี้เน้นความหรูหราพรีเมี่ยม จัดเต็มความเป็นอังกฤษ ไม่ว่าจะดีไซน์สปอร์ตที่มีปัจเจกของตัวเอง มาพร้อมกระจังหนา และงานออกแบรถทางด้านหน้าที่ความเตี้ยเป็นพิเศษ ให้ความรู้สึกสปอร์ต ขณะที่ด้านข้างรถ สะท้อนความสปอร์ต ด้วยการออกแบบ เป็นเก๋งทรงท้ายลาด ตั้งแต่เสา B ลงไป ให้ความรู้สึกที่มีความแปลกตา คล้ายรถพรีเมี่ยมระดับบนจากจากแบรนด์อังดฤษ ด้วยซุ้มล้อหลัง หนาๆ เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น
และโดดเด่นมากขึ้นด้วยไฟท้าย LED แบบ Cross Tailight มาพร้อม ท่อไอเสีย 4 ท่อ และ ดิฟฟิวเซอร์ บ่งบอกความสปอร์ตตั้งแต่หัวจรดท้าย พร้อมสีสปอร์ตๆ ตอบสไตล์ ที่แตกต่าง ไม่ว่าจะ สีเขียวหัวเป็ด ,สีแดง หรือ สีเทา ที่มีความสวยงาม สะท้อความพรีเมี่ยมสปอร์ต ที่แตกต่าง
ทางด้านในห้องโดยสาร MG แนะนำงานออกแบบที่มีความลงตัวในสไตล์ สปอร์ต ด้วยงานออกแบบเป็นพิเศษ เริ่มจาก ตรงหน้าคนขับ จะมาพร้อม Dual Screen โดยจอคนขับมีขนาด 10.25 นิ้ว และจอระบบความบันเทิงและตั้งค่าต่างๆ ที่อยู่ตรงกลาง มีขนาด 12.3 นิ้ว
พวงมาลัย ออกแบบมาเป็น 3 ด้าน พร้อมปุ่มฟังชั่น X Mode สามารถ กดใช้งานได้ทันที เมื่อต้องการ
ตรงคอนโซลกลาง ออกแบบ ให้เรียบง่ายทันสมัย ด้วยปุ่มสตาร์ท คันเกียร์ และ เบรกมือไฟ้า มีช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่อง และ คอนโซลกลางขนาดใหญ่
สิ่งที่น่าสนใจคือ การออกแบบ เบาะนั่งรถคันนี้มาพร้อมเบาะทรงสปอร์ตปรับไฟฟ้า พร้อมบันทึกท่านั่ง 2 ตำแหน่ง จุดเด่นของรถคันนี้คือ ห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่ แม้คนตัวใหญ่ไซส์หมี ก็สามารถพากันไปในรถคันนี้ได้สบาย รองรับการโดยสาร 5 คน
ด้านหลัง เบาะนั่งปรับท่าให้มีทั้งความสปอร์ตและความสบายสูงสุด พกที่เท้าแขนมาด้วย และช่องแอร์หลัง รวมถึง ยังให้ หลังคาพาโนรามิก มาด้วย
ความหล่อเหลาเอาการ ไม่ใช่ สิ่งเดียวที่น่าสนใจ เพราะ ทางเอ็มจี จัดเต็ม สมรรถนะในการขับขี่ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเครื่องยนต์ ที่มีขุมพลังเทอร์โบมาให้ 2 รุ่นด้วยกัน
รุ่นเริ่มต้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังขับสูงสุด 187 แรงม้า ระนาบต่อเนื่องที่ 5,500-6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,500 -4,000 รอบต่อนาที ส่ง่านเกียร์ คลัทช์คู่ 7 สปีด สามารถทำความเร็วสูงสุด 210 ก.ม./ช.ม.
ส่วนรุ่นระดับบน จะใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ สามารถทำกำลังขับระดับรถสปอร์ต ด้วยกำลังสูงสุด 260 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร ที่ 1,750-3,500 รอบต่อนาที ส่งผ่านเกียร์ออโต้ 9 สปีด สามารถทำความเร็วสูงสุด 230 ก.ม./ช.ม. เลยทีเดียว
ทางเอ็มจี ชี้ว่าตัวรถรุ่นนี้ วิศวกรรม โดยให้ล้ออัลลอยขนาด 18 และ 19 เปลี่ยนไปตามแต่ละรุ่น ในรุ่นท๊อป MG เลือกใช้ยางคุณภาพจากทางมิชลิน มาตอบโจทย์
รวมถึงยังเพิ่มโหมดการขับขี่ Super Sport มาให้ใช้ รุ่นที่สุด ของที่สุด Trophy ทางแบรนด์ นำเสนอ โหมดการขับขี่พิเศษ ที่เรียกว่า X-Mode ที่คุณสามารถเซทค่าต่างๆ ได้ มากกว่า 150 รูปแบบ
คุณสามารถเซท ความสามารถเครื่องยนต์ , การตอบสนองพวงมาลัย , เสียงท่อ และ ระบบ E-LSD ที่สามารถเซทค่ในการตอบสนองได้ ไปจนถึง ยังสามารถใช้ค่าเริ่มต้น ในการเอารถไปลงสนาม ที่ทางทีมงานเซทค่ามาอย่างลงตัว
ในภาพรวม MG7 จึงเป็นรถสปอร์ต ในคราบรถบ้านสุดหรูลุคพรีเมี่ยม โดยเบื้องต้ทางเอ็มจี จะเริ่มวางจำหน่ายในจีน ส่วนมันจะมาไทยหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
ข้อมูลจาก MG