Home » MG เผยภาพ Cyberster ร่างขายจริง คาดตั้งราคาในยุโรป เริ่มต้น 2.3 ล้านบาท
รถใหม่ รถใหม่ต่างประเทศ

MG เผยภาพ Cyberster ร่างขายจริง คาดตั้งราคาในยุโรป เริ่มต้น 2.3 ล้านบาท

ย้อนไปเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา MG Cyberster ร่างขายจริง ได้ถูกเผยโฉมเป็นครั้งแรกในโลก ที่ประเทศจีน ท่ามกลางสายตาของเหล่าฝูงชนที่เข้าร่วมงาน Shanghai Auto Show 2023 ในที่สุดทางค่ายก็ได้มีการปล่อยภาพตัวรถคันจริง แบบจัดมุมสวยๆออกมา เพื่อให้เราได้สังเกตหน้าตาของมันอย่างชัดเจนอีกครั้ง

MG Cyberster มาพร้อมกับรูปทรงตัวถังในแบบรถสปอร์ตโรดสเตอร์ หรือรถสปอร์ตเปิดประทุน ที่ครั้งหนึ่งเปรียบเสมือนกับเป็นสินค้าขึ้นชื่อของทางแบรนด์ MG มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งหายไปพักใหญ่ นับตั้งแต่การเปลี่ยนมือเจ้าของไปอยู่ภายใต้เครือ SAIC Motor เมื่อปี 2007

จนกระทั่งในช่วงปี 2021 ทาง MG ที่กำลังมุ่งมั่นในการสร้างผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ อย่างเช่นการทำรถไฟฟ้า ได้ตัดสินใจเปิดตัว MG Cyberster Concept ออกมา และก็ได้ทำการนำมันไปโชว์ตัวให้กับลูกค้าทั่วโลก และนั่นก็ทำให้มันกลายเป็นที่รู้จักได้เป็นอย่างดี หรือในบางที่ก็ยังมีการเปิดรับจองล่วงหน้า แม้ว่าลูกค้าจะยังไม่เห็นหน้าตา หรือทราบรายละเอียดทางเทคนิคของตัวรถเวอร์ชันขายจริงเลยด้วยซ้ำ

และอย่างที่เราระบุไว้ในข้างต้นว่า ชุดภาพที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้ คือภาพของตัวรถ MG Cyberster ร่างขายจริงชุดใหม่ ที่เมื่อเทียบกับตัวรถคอนเซ็ปท์ เราก็จะเห็นได้ว่า เส้นสายและรายละเอียดหลักๆของตัวรถทั้งสองแบบยังคงมีความคล้ายคลึงกัน

แต่กันชนหน้าของตัวรถขายจริง จะถูกปรับใหม่ ให้ยื่นออกไปด้านหน้าน้อยลง แต่มันยังคงมีการตัดเว้นครีบรีดอากาศด้านล่าง และช่องดักลมทางด้านข้างเช่นเดิม ส่วนตัวโคมไฟหน้าก็ถูกปรับใหม่ ให้มีความแหลมคมมากขึ้น

ขณะเดียวกันในส่วนลำตัวด้านข้างก็จะมีความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เสาเอ ด้านบน ที่ถูกปรับใหม่ ให้มีความใหญ่โต ดูแข็งแรงมากขึ้น และเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ มันจึงได้รับการติดตั้งกระจกมองข้างเพิ่ม ขณะที่ชิ้นตัวถังครอบด้านท้ายรถได้ถูกตัดทิ้งไป เหลือเพียงฝาปิดหลังคาผ้าใบ กับโครงเหล็กกันศรีษะกระแทก กรณีรถพลิกคว่ำ และท้ายสุดคือครีบรีดอากาศด้านล่างข้างลำตัวรถ ก็ถูกปรับใหม่ให้มีขนาดเล็กลงเพื่อลดความหวือหวาในยามผลิตขายจริง

ส่วนด้านท้าย เรียกได้ว่ามีการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เพราะแม้ลายเส้นของแถบไฟท้าย กับไฟเลี้ยว จะมีลักษณะที่คล้ายเดิม แต่มันก็ถูกปรับสัดส่วนใหม่ให้ดูเหมาะกับการทำขายจริงมากขึ้น และถึงแม้ตัวดิฟฟิวเซอร์ด้านล่าง จะยังคงมีมาให้ แถมไม่ได้เป็นแบบที่มีความลึกมากนัก

แต่กันชนท้ายก็ถูกปรับใหม่ ให้มีการเว้นพื้นที่ว่างสำหรับติดตั้งแผ่นป้ายทะเบียน ส่วนตัวสปอยเลอร์หลังยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะเป็นแบบที่สามารถยืด-หด ขึ้น-ลง ได้หรือไม่ เหมือนกับตอนที่ยังเป็นรถคอนเซปท์

สุดท้ายคือชุดล้อ ที่แม้จะมีลวดลายก้านไม่ต่างจากรถต้นแบบมากนัก แต่ก็ถูกปรับลดขนาดลง จากที่เคยอยู่ราวๆ 21-22 นิ้ว คาดว่าจะเหลือเพียง 19-20 นิ้วเท่านั้น

นอกจากนี้ ในชุดข้อมูลที่เราได้รับมา อันที่จริงก็ไม่ได้มีเพียงภาพหน้าตาเปลือกนอกของรถที่นั้นที่หลุดว่อนโลกออนไลน์ แต่ยังมีข้อมูลรายละเอียดทางเทคนิคของตัวรถ ที่เรียกได้ว่าเกือบครบทุกด้าน ทั้งในส่วนของความยาว 4,535 มิลลิเมตร, ความกว้าง 1,913 มิลลิเมตร, ความสูง 1,329 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ อีก 2,690 มิลลิเมตร

โดยหากเทียบกับโรดสเตอร์คาร์ที่ชาวไทยรู้จักกันดีอย่าง Mazda MX-5 รุ่นปัจจุบัน เจ้า Cyberster ก็จะมีด้านยาวที่มากกว่าถึง 620 มิลลิเมตร แถมในขณะเดียวกันมันก็ยังยาวกว่าอีกหนึ่งโรดสเตอร์คาร์จากแบรนด์เยอรมัน อย่าง BMW Z4 รุ่นล่าสุดออกไปอีกถึง 211 มิลลิเมตร

โดยแม้น้ำหนักตัวรถของมัน จะหนักกว่าคู่แข่งรูปทรงเดียวกันไปไกลพอสมควร ด้วยตัวเลข 1,850 กิโลกรัม (MX-5 รุ่นปัจจุบันหนัก 1,058 กิโลกรัม)

แต่ขุมกำลังของมัน แม้จะเป็นรุ่นขับหลัง ก็ยังให้มอเตอร์ไฟฟ้าลูกเดียว ที่มีกำลังขับสูงสุดถึง 314 แรงม้า PS ส่วนรุ่นขับสี่ (AWD) ที่ได้มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าเข้ามาเสริมพลังอีก 204 PS และมอเตอร์ด้านหลัง ก็ถูกปรับจูนกำลังเพิ่มขึ้นอีก เป็น 340 PS ก็จะมีพละกำลังสุทธิรวมกันได้มากถึง 544 PS เลยทีเดียว

แน่นอน ด้วยความเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จึงทำให้แม้มันจะสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดก็ถูกจำกัดไว้เพียง 193 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ส่วนรุ่น AWD ก็จะมีความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งก็ยังดูน้อยอยู่ดี เมื่อเทียบกับพละกำลังสูงสุดที่ให้มา

ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ขณะนี้ ยังไม่มีใครสามารถระบุตัวเลขที่แน่ชัดได้ แต่หากอิงจากข้อมูลสื่อฯในยุโรป พวกเขาก็ได้ประเมินเอาไว้ว่า MG Cyberster จะถูกตั้งราคาสำหรับการวาจำหน่ายในทวีปยุโรป และสหราชอาณาจักร เริ่มต้นที่ราวๆ 55,000 ปอนด์ หรือราวๆ 2.34 ล้านบาท ในรุ่นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนสองล้อหลัง

และจะขยับขึ้นเป็น 65,000 ปอนด์ หรือราวๆ 2.76 ล้านบาท ในรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยจะพร้อมวางจำหน่ายจริงในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ ในฐานะรถยนต์โมเดลปี 2024

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.