อาจจะจริงอยู่ว่าในตอนนี้ MG มีรถยนต์ไฟฟ้าให้ลูกค้าได้เลือกหลากหลายรุ่น แต่ดูเหมือนพวกมันจะยังไม่ถูกใจชาวอินเดียมากเท่าไหร่นักจึงทำให้ทางค่ายต้องเพิ่มไลน์อัพสินค้าใหม่ และนั่นคือ MG Windsor EV
MG Windsor EV คือรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เบื้องต้นแล้วทางค่ายตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อวางจำหน่ายในประเทศอินเดียโดยเฉพาะ และในความเป็นจริง มันคืออีกร่างหนึ่งของ Baojun Cloud รถยนต์แฮชท์แบ็คไฟฟ้าในเครือ SAIC
แต่เพื่อให้มันทำลุยในตลาดรถยนต์แนว Crossover Utility Vehicle หรือ CUV ทาง MG จึงไม่ได้ทำแค่การเปลี่ยนตรา หรือเปลี่ยนโลโก้แบรนด์ตามจุดต่างๆให้เป็นของตนเองเท่านั้น แต่มีการใส่ชิ้นงานพลาสติกกันกระแทกเข้าไปตามจุดต่างๆของตัวรถ ทั้งที่บริเวณกันชนหน้า, ไฟหน้า, ซุ้มล้อหน้า-หลัง, ข้างประตู, แม้แต่กรอบกระจกมองข้าง และขอบไฟท้ายก็ยังมี
หากตัวรถยังดูอเนกประสงค์ไม่พอ ทางค่ายก็ยังทำการติดตั้งแร็คหลังคาทางด้านบน และเพิ่มกันสาดที่บานประตูให้ลูกค้าเพิ่มอีก โดยที่เฉดสีก็จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ Starburst Black, Pearl White, Clay Beige, และ Turquoise Green ส่วนล้อเองก็มีให้เลือกทั้งแบบขนาด 17 นิ้ว และ 18 นิ้ว
ด้านงานออกแบบภายในห้องโดยสารเอง ก็ยังคงใช้กลิ่นอายเดียวกันกับตัวรถร่างต้น แต่โดยรวมก็ถือว่าครบครันในเรื่องของลูกเล่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดหน้าจอมาตรวัด Full Digital ขนาด 8.8 นิ้ว และหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 15.6 นิ้ว หรือ 10.1 นิ้ว สำหรับรุ่นล่าง ส่วนปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศจะยังคงเป็นแบบปรับมือ เพื่อความทนมือทนเท้าผู้ใช้ชาวอินเดีย
เบาะนั่งถูกปรับงานออกแบบหนังหุ้มใหม่เล็กน้อย พร้อมระบบพัดลมทำความเย็นในตัว, เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ถึง 135 องศา, กระจกหลังคาแบบพาโนรามิค, ลำโพง 9 จุด, ระบบไฟแวดล้อม, แท่นชาาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาาย, กล้อง 360 องศา
และยังมีลูกเล่นเพื่อความปลอดภัยมากมาย ทั้ง ถุงลมนิรภัย 6 จุด, Emergency Stop Signal, Hill-start Assist, และ Hill Descent Contro
ตัวรถมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 38 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานต่อชาร์จสูงสุด 331 กิโลเมตร และรองรับกำลังไฟในการชาร์จกระแสกลับเข้าสู่แบตฯสูงสุด 45 kW ช่วยให้รถสามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ภายในเวลา 55 นาที และจะขับเคลื่อนด้วยขุมกำลังมอเตอร์เดี่ยว 136 PS และแรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ล้อหน้า
โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ MG Windsor ในประเทศอินเดีย ก็มีตัวเลขเริ่มต้นที่ 999,000 รูปีย์ หรือราวๆ 396,000 บาทเท่านั้น แต่ยังไม่รวมค่าบริการในส่วนของการเช่าแบตเตอรี่ซึ่งจะมีการคิดค่าบริการราวๆกิโลละ 3.5 รูปีย์ หรือราวๆ 1.3 บาท ซึ่งจะแลกกันกับการรับประกันคุณภาพแบตฯตลอดอายุการใช้งานกับฟรีค่าชาร์จไฟในหนึ่งปีแรก
