2020 Suzuki Hustler มินิครอสโอเวอร์สายลุย เผยโฉมใหม่ในเจนเนเรชั่นที่ 2 ปรับหน้าตาให้มีชีวิตชีวา และพร้อมลุยได้ในคันเดียว คาดเริ่มขายจริงปีหน้า
เวลา 6 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ Suzuki Hustler โฉมแรกเผยตัวในวันที่ 24 ธันวาคม 2013 บัดนี้ ซูซูกิได้สานต่อความสำเร็จของมินิครอสโอเวอร์ในพิกัด K-Car ในเจนเนเรชั่นที่ 2 ด้วยมาดภายนอกที่ขัดเกลาเพิ่มเติมชีวิตชีวา พร้อมกับสมรรถนะในการลุยเพิ่มขึ้น รวมถึงความทันสมัยที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ในกลุ่มลูกค้ายุคใหม่
ทางซูซูกิต้องการให้ Hustler 2nd มีความพิเศษเฉพาะตัว พวกเขาจึงออกแบบให้รถสื่อถึงความสนุกสนาน น่าตะลุยไปทุกที่ และสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทำให้รถคันนี้กลายเป็นรถที่มีจุดขายอันแข็งแกร่งไม่เหมือนใครในตลาด
เริ่มพิจารณาจากภายนอกจะพบว่าตัวรถยังคงสไตล์กล่องเหลี่ยมหรือ Boxy Shape ไฟหน้าแอลอีดีทรงกลมพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันในโคมเดียวกัน กระจังหน้ามีควาเรียบง่ายแต่แข็งแกร่ง ถัดมาด้านข้างจะมีขอบคิ้วสีดำติดตั้งบริเวณเหนือซุ้มล้อหน้า ชายประตู และเหนือซุ้มล้อหลัง ให้อารมณ์ลุยๆ เหมือนเอสยูวีรุ่นใหญ่ ส่วนด้านหลังจะเห็นว่ากระจกหน้าต่างมีขนาดใหญ่โตทรงสี่เหลี่ยมพื้นฐาน ถัดลงมาเป็นโคมไฟเบรกสี่เหลี่ยมในแนวตั้ง ซึ่งมีการเล่นวัสดุโครเมียมในโคมเพื่อเพิ่มความหรูหรา
ถัดเข้ามาภายในห้องโดยสาร Hustler เจนฯ 2 ได้มีการออกแบบให้แผงแดชบอร์ดด้านหน้า มีลักษณะเป็น 3 โซนแบ่งสัดส่วนด้วยขอบทริมสีเดียวกับตัวถังภายนอก ซ้ายสุดเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่หน้าผู้โดยสาร ตรงกลางวางจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ส่วนขวาสุดเป็นตำแหน่งหน้าจอ 4.2 นิ้ว ทำหน้าที่แสดงมาตรวัดความเร็วๆ กับแสดงข้อมูลสำคัญระหว่างขับขี่ ถัดมาลงจากจอกลางเป็นที่วางปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศ กับคอนโซลเกียร์อัตโนมัติ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ทรงอวบอิ่มเต็มมือ
นอกเหนือจากการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ เจ้ารถคันนี้ยังมีช่องเก็บของจำนวนมากภายในรถ ยิ่งในบริเวณห้องเก็บสัมภาระจะมีช่องเก็บของใต้พื้นซึ่งสามารถยกออก และเอาออกไปล้างทำความสะอาดได้ เผื่อกรณีจะใส่อุปกรณ์อะไรก็ตามที่ต้องเลอะเทอะในยามทำกิจกรรม outdoor
Hustler ใหม่ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานโครงสร้าง Hartect ที่มีความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ซูซูกินำเทคโนโลยีกาวยึดโครงสร้างแบบพิเศษ ที่ถูกใช้ในบางจุดเพื่อทำให้รถมีเสียงรบกวนขณะขับขี่ รวมถึงแรงสะเทือนส่งเข้ามาถึงภายในห้องโดยสารน้อยที่สุด
เรื่องความสามารถในการขับขี่ทางอื่นๆ นอกจากถนนลาดยาง Hustler มีการยกความสูงเพิ่มขึ้นจากรถเจนฯ แรกอีก 15 มิลลิเมตร พร้อมกับขยายระยะฐานล้อ 35 มิลลิเมตร ส่งผลถึงมุมข้ามให้เพิ่มมาอยู่ที่ 29 องศา มากกว่าเดิม 1 องศา ส่วนมุมจากขยับมาเป็น 50 องศา เพิ่มขึ้นจากเดิม 4 องศา เรียกว่าช่วยให้ข้ามสิ่งกีดขวางได้สะดวกยิ่งกว่าเก่า
ขุมพลังยังคงมีทั้งแบบปกติกับแบบเทอร์โบ โดยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 660 ซีซี ได้บล็อกใหม่รหัส R06D เป็นครั้งแรกของ K-Car ค่ายซูซูกิ ที่ได้ระบบหัวฉีดตรงแบบคู่ ทำงานร่วมกับระบบบำบัดไอเสีย EGR แล้วยังมีการปรับขนาดกระบอกสูบ ระยะชัก และอัตราส่วนจุดระเบิดใหม่ เพื่อประสิทธิภาพในการสร้างพลังงานสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 660 ซีซี ทางวิศวกรบอกว่ามีการปรับปรุงเล็กน้อย ซึ่งถ้าดูดีๆ ก็จะพบว่ามันแทบไม่เปลี่ยนอะไรเท่าไหร่
เกียร์อัตโนมัติ CVT ถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานบนรถทุกรุ่นย่อย ภายในห้องเกียร์มีการปรับปรุงชุดสายพาน ตลอดจนปั๊มน้ำมันเกียร์ใหม่ 2 ตัว ให้ทำงานผสานกันเต็มที่เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้น ระบบ Mild-Hybrid ได้ติดตั้งครบถ้วนทุกรุ่น เพื่อช่วยในการออกตัว เร่งแซง ตลอดจนประสิทธิภาพในการชาร์จไฟให้ดีขึ้น กรณีที่ขับขี่ในโหมด Snow บนรถรุ่น 4WD ระบบดังกล่าวก็จะมาคอยจัดการเมื่อต้องออกตัว รวมถึงขณะตอนเบรกชะลอความเร็ว
ความปลอดภัยทางซูซูกิมอบระบบ Suzuki Safety Support กับ Dual Camera Brake Support ที่สามารถตรวจจับป้ายกับคนเดินถนนในยามค่ำคืน ซึ่งสามารถควบคุมระบบเบรก และลดความรุนแรงหากเกินเหตุการณ์ไม่คาดคิด ขณะเดียวกัน ในรุ่นเครื่องเทอร์โบจะได้รับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน ACC แบบ All-Speed กับระบบแจ้งเตือนรถในมุมอับ
Suzuki Hustler เจนฯ 2 จะเริ่มขายในญี่ปุ่นวันที่ 20 มกราคม 2020 ซึ่งราคากับรายละเอียดอุปกรณ์อย่างเป็นทางการจะถูกเผยแพร่ตามมาภายใน ส่วนราคานั้นคาดว่าเริ่มต้นราว 2 ล้านเยน (ราว 550,000 บาท)
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเราทีมงาน Ridebuster.com