หลังการเปิดตัวในทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ล่าสุด Honda e:Ny1 ก็ได้มีการเคาะราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยตัวเลขเริ่มต้นราวๆ 1.9 ล้านบาท
Honda e:Ny1 แท้จริงแล้ว คือรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้า 100% ที่ใช้พื้นฐานเดียวกัน Honda HR-V และก่อนหน้านี้ มันก็ได้ถูกนำไปวางจำหน่ายในประเทศจีนมาแล้วพักใหญ่ ภายใต้ชื่อรุ่น Honda e:NP1 และ Honda e:NS1
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับตัวรถรุ่นหลัง ที่ดูเหมือนว่าจะมาพร้อมกับการตกแต่งและงานออกแบบที่ดูถูกจริตและเหมาะกับการนำไปวางขายในตลาดโลกมากกว่า จึงทำให้ทาง Honda เลือกเอางานออกแบบของ e:NS1 มาปรับใหม่เล็กน้อย และวางขายในยุโรปภายใต้ชื่อ e:Ny1
และหากเทียบกับ HR-V ที่เป็นร่างต้นตัวจริง เจ้ารถร่างขุมกำลังไฟฟ้า 100% คันนี้ ก็จะมาพร้อมกับงานตกแต่งชิ้นส่วนรอบคันที่ดูสะอาดตามากขึ้น ทั้งกระจังหน้าแบบปิดทึบ มาพร้อมโลโก้ “H Mark” แบบใหม่ ที่ดูเรียบง่ายกว่าเดิม และแผ่นกระจังหน้าทีท่ว่านี้ คือแผ่นบานพับที่จะซ่อนพอร์ทชาร์จไฟแบบ CCS Type 2 ไว้ด้านหลัง
นอกนั้นในส่วนงานออกแบบกันชนหน้าก็ไม่ได้มีความแตกต่างมากนัก แค่ปรับรายละเอียดครึ่งบนให้เข้ากับกระจังหน้าใหม่ ไฟหน้ายังคงเป็นแบบ LED เบ้าเดิมกับ HR-V เช่นเดียวกับไฟท้าย ที่ตัวไฟเบรกยังคงมีงานออกแบบเดียวกัน ต่างแค่ตรงแถบไฟคาดตามฝาท้ายรถ ที่จะเป็นแบบยาวชิ้นเดียวตลอดแนว ไม่ได้ถูกคั่นกลางด้วยโลโก้แบรนด์อีกต่อไป เพราะทางค่ายตัดสินใจเปลี่ยนใหม่ เป็นคำว่า “H o n d a” แปะไว้เป็นตัวอักษรเรียงกันด้านล่างแถบไฟดังกล่าวแทน
และปิดท้ายด้วยชุดล้อขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่ แบบเกือบปิดทึบ ตามสมัยนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า
ในส่วนงานออกแบบภายในห้องโดยสาร เรียกได้ว่าเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แทบไม่เหลือเค้าเดิมใดๆเลย นอกจากสัดส่วนชิ้นส่วนต่างๆเท่านั้น ตั้งแต่ แผงประตู, พวงมาลัยแบบใหม่ที่แม้จะใช้รูปแบบก้านคล้ายเดิม แต่ปุ่มควบคุมระบบต่างๆบนก้านซ้าย-ขวาดูต่างออกไปอย่างชัดเจน แม้กระทั่งแตรตรงกลาง ก็ยังเปลี่ยนจากแบบ 6 เหลี่ยม เป็นแบบกลม, คอนโซลหน้าออกแบบใหม่ มีความเหลี่ยมสันมากขึ้น และตัวช่องแอร์ก็มีการแยกสัดสวนกันอย่างชัดเจน ไม่ได้ดูกลืนกับชิ้นส่วนตกแต่งคอนโซลหน้า
เช่นเดียวกับคอนโซลกลาง ที่นอกจากจะเปลี่ยนหน้าตาใหม่แล้ว ยังไม่มีคันเกียร์อีกต่อไป และแทนที่ด้วยสวิทช์กดตำแหน่งเกียร์ตรงกลาง โดยที่ด้านบนเยื้องซ้ายมีแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ขณะที่ด้านบนเยื้องขวา เป็นตำแหน่งของพอร์ทชาร์จไฟ DC 12 Volt และ USB Type-A อีก 2 จุด ส่วนทางด้านล่างเยื้องซ้ายถัดจากปุ่มกดตำแหน่งเกียร์ คือตำแหน่งของปุ่มปรับโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ Sport, Normal, Econ กับปุ่มเบรคมือไฟฟ้าและปุ่มเปิด/ปิดระบบ Auto Hold
สุดท้ายคือชุดหน้าจอมาตรวัดที่ถูกเปลี่ยนใหม่ ให้เป็นแบบ Full-Digital TFT ขนาด 10.25 นิ้ว ติดตั้งแบบกึ่งลอยตัวจากคอนโซล และหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ ก็เป็นแบบแนวตั้งซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 15.1 นิ้ว แถมยังรวมเอาฟังก์ชันในส่วนการควบคุมระบบความปลอดภัย Honda Sensing ต่างๆ กับระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารไปไว้ในจอทั้งหมด และแน่นอนว่ามันรองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Apple CarPlay แบบไร้สาย กับระบบ Android Auto รวมถึงยังสามารถอัพเดทระบบเฟิร์มแวร์แบบ OTA ได้อีกด้วย
และแม้ตัวรถจะมาพร้อมกับเปลือกนอกที่คล้ายกับ Honda HR-V ในทุกสัดส่วน แต่ทางค่ายระบุว่า มันถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบไว้เพื่อการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ อย่างแพลตฟอร์ม “e:N Architecture F” ซึ่งรองรับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าได้ทั้งแบบสำหรับขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าเพียงตัวเดียว หรือจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวเพื่อขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 แบบ AWD ก็ได้
แต่สำหรับเจ้า e:Ny1 คันนี้ จะยังคงมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวเท่านั้น โดยมันมาพร้อมกับน้ำหนักตัวรวมชุดเกียร์และน้ำมันเกียร์เพียง 77.4 กิโลกรัม และให้ประสิทธิภาพเชิงพลังงานสูงถึง 92% สามารถปั่นแรงม้าสูงสุดได้ 150 kW หรือราวๆ 204 แรงม้า PS กับแรงบิดสูงสุดอีก 310 นิวตันเมตร พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ด้านแบตเตอรี่ที่ให้มา จะติดตั้งไว้ใต้ท้องรถซึ่งอาจจะดูเหมือนคนลงพุงไปสักหน่อย จนมีความสูงใต้ท้องรถจากพื้นเพียง 135 มิลลิเมตร แต่มันก็มาพร้อมกับความจุขนาด 68.8 kWh ซึ่งรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 412 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และสามารถชาร์จไฟจาก 10% – 80% ด้วยระบบ Fast Charge ได้ภายในเวลา 45 นาที หรือสามารถชาร์จไฟสำหรับการวิ่งด้วยระยะทาง 100 กิโลเมตร ได้ภายใน 11 นาที
หรือหากเป็นการชาร์จไฟจาก 10% – 80% ด้วยแท่นชาร์จ AC ปกติก็จะใช้เวลาราวๆ 6 ชั่วโมง นั่นเอง
โดยในตอนนี้ ตัวรถ Honda e:Ny1 ได้มีการวางจำหน่ายในทวีปยุโรป ด้วย 2 รุ่นย่อยหลักๆ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของออพชันยิบย่อย เช่น หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, พวงมาลัยอุ่นมือ, ฝาท้ายไฟฟ้า, ระบบช่วยจอด เป็นต้น
และมีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการแล้ว ที่ 44,995 ปอนด์ หรือราวๆ 1.97 ล้านบาท สำหรับรุ่นเริ่มต้นในสหราชอาณาจักร และขยับขึ้นเป็น 47,195 ปอนด์ หรือราวๆ 2.07 ล้านบาท สำหรับรุ่นบน
ซึ่งหากเทียบราคาของมันกับรถที่เป็นร่างต้นอย่าง Honda HR-V ก็จะเท่ากับว่าเจ้ารถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ มีราคาแพงกว่าอยู่ราวๆ 3-6 แสนบาท นั่นเอง