Lamborghini Sian ซูเปอร์คาร์ไฮบริดคันแรกของโลกที่ได้ผลิตขายจริง มากับขุมพลัง V12 ขนาด 6.5 ลิตร บวกกับระบบ Mild-Hybrid 48V ปั่นพลังรวม 819 แรงม้า
ในที่สุดค่ายกระทิงดุสัญชาติอิตาลีผู้ช่ำชองการทำรถพันธุ์แรงระห่ำ ได้เวลาอันเหมาะสมด้วยเผยโฉม Lamborghini Sian ซูเปอร์คาร์ไฮบริดคันแรกของโลกที่มีการผลิตขายจริง ด้วยการร่วมตัวผสานพลังระหว่างเครื่องเบนซิน V12 ขนาด 6.5 ลิตร จับคู่ร่วมระบบ Mild-Hybrid 48V จนได้กำลังสุดแรงเหนือกว่าซูเปอร์คาร์ที่แลมโบฯ เคยสร้างมา
จุดเด่นที่ขอพาไปรู้จักกันอันดับแรกหนีไม่พ้นขุมพลังเบนซิน V12 ขนาด 6.5 ลิตร ซึ่งเดิมทีเครื่องบล็อกนี้ติดตั้งอยู่บน Aventador SVJ ยอดรถตัวแรง แต่นั่นยังไม่ควรค่าพอจะทำให้ Sian โดดเด่น ทางวิศวกรจึงได้เสริมระบบ Mild-Hybrid 48V ลำพังเพียงเครื่องสันดาป 12 สูบ ก็ผลิตพลังได้มากถึง 770 แรงม้า (HP) แต่หลังจากรวมกำลังที่ได้จากระบบไฮบริดอีก 34 แรงม้า (HP) กำลังขับรวมกระโดดไปอยู่ที่ 819 แรงม้า
แน่นอนว่ารถจากค่ายกระทิงดุมีจุดเด่นเรื่องระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบล็อคเฟืองท้ายหลังแบบไฟฟ้า และเจ้า Sian มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ซึ่งมีระบบปรับการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมขึ้นอยู่กับโหมดขับขี่
เมื่อนำเครื่องยนต์บล็อกโตสูงเยอะผสานเข้ากับระบบไฮบริด กับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อสุดไฮเทค นั่นทำให้ Sian ทะยานจากจุดหยุดนิ่งสู่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 2.8 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เนื่องจากถูกล็อคจากกล่อง ECU ทั้งนี้ หากนำไปเทียบกับ Bugatti Chiron Sport รายนั้นวิ่งได้เร็วถึง 490 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกว่ายังห่างไกลนัก
ในแง่การดีไซน์ ทีมออกแบบ Sian ได้แรงบันดาลใจมาจากซูเปอร์คาร์ตัวต้นแบบนามว่า Terzo Millennio เผยให้เห็นว่าด้านหน้ามีเส้นสายเป็นเอกลักษณ์ จากทั้งไฟ DRL LED ทรงสามแฉก ที่สอดรับเข้ากันกับฝากระโปรงหน้าที่มีร่องเว้นทรงสีเหลี่ยมคางหมู กับช่องดักอากาศเข้าเครื่องพร้อมบอดี้พาร์ท ด้านหลังเด่นด้วยไฟท้ายแอลอีดีทรงหกเหลี่ยมวางฝั่งละสามดวง พร้อมด้วยท่อไอเสียปลายคู่ที่ยกสูงขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่เหนือครีบดิฟฟิวเซอร์ด้านท้าย
สำหรับบรรดาเศรษฐีนักสะสมที่ชื่นชอบรถค่ายกระทิงดุเป็นทุนเดิม หรือกำลังมองหารถคันพิเศษเพื่อมอบเป็นรางวัลแก่ชีวิตตัวเอง ขอบอกว่าแลมโบฯ เตรียม Sian ไว้เพียง 63 คันเท่านั้น พร้อมตั้งราคาเริ่มต้นไว้ 3.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 111 ล้านบาท) ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกชิ้นส่วนรวมถึงสีสันของรถได้ทุกสิ่งตามใจชอบ ทว่าตอนนี้เจ้าซูเปอร์คาร์ไฮบริดมีคนสั่งซื้อไปหมดครบโควต้าแล้ว
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเราทีมงาน Ridebuster.com