Home » MG เตรียมเปิดตัว IM6 ซีดานไฟฟ้าสไตล์ล้ำ วิ่งไกล 760 กิโลเมตร/ชาร์จ โชว์ร่าง “พวงมาลัยขวา” ครั้งแรกใน Motor Expo 2024
รถใหม่ รถใหม่ในประเทศ

MG เตรียมเปิดตัว IM6 ซีดานไฟฟ้าสไตล์ล้ำ วิ่งไกล 760 กิโลเมตร/ชาร์จ โชว์ร่าง “พวงมาลัยขวา” ครั้งแรกใน Motor Expo 2024

MG Cars เตรียมน้ำเสนออีกหนึ่งว่าที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน Motor Expo 2024 โดยคราวนี้เป็นการนำเสนอรถยนต์จากแบรนด์ย่อยในต่างประเทศอย่าง IM LS6 ภายใต้ชื่อใหม่ “MG IM6”

IM LS6 หรือที่ทาง MG ประเทศไทย จะใช้ชื่อใหม่ว่า MG IM6 เพื่อให้ชาวไทยได้รู้จักกันนั้น คือรถยนต์ไฟฟ้ารูปทรงอเนกประสงค์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดย IM Motors บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งก่อตั้งโดยการร่วมทุนกันระหว่าง SAIC (บริษัทแม่ MG), Alibaba, และ Zhangjiang Hi-Tech โดยชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์รถยนต์ของพวกเขา ในด้านเทคโนโลยีระบบซอฟท์ที่ล้ำสมัย และงานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมออพชันสุดไฮเทค

เริ่มจากงานออกแบบภายนอก ที่ทาง IM Motors เลือกแบบให้รถยนต์ของพวกเขา มีเส้นสายตัวถังที่เน้นความโค้งมนและพลิ้วไหวเป็นหลัก โดยแม้เจ้า LS6 จะเป็นรถอเนกประสงค์ แต่ตัวถังช่วงครึ่งหลังโดยเฉพาะแนวหลังคาของมันกลับเป็นแบบลาดต่ำลงไปจากจุดกึ่งลางถึงไฟท้าย ในแบบของรถคูเป้ โดยที่ตัวฝาท้ายกลับมีการออกแบบให้เหมือนลักษณะตูดเป็ด ซึ่งดูไปดูมาก็แอบคล้ายกับช่วงท้ายรถ Aston Martin DBX อยู่ไม่น้อย

ขณะเดียวกัน งานออกแบบตัวรถทางด้านหน้าเอง ก็แน่นอนว่าจะต้องเน้นเส้นสายโค้งมน ตั้งแต่ชุดกันชนหน้า กรอบช่องดักลมด้านข้าง และด้านล่าง รวมถึงชุดไฟหน้าอันโดดเด่นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งทำให้ตัวรถในภาพรวมดูน่ารัก และน่าจะถูกใจผู้ใช้รุ่นใหม่กันอยู่ไม่น้อย แถมในขณะเดียวกัน ยังทำให้ตัวรถมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.237 Cd เท่านั้นอีกด้วย

ด้านขนาดตัวถังรถ ก็มีตัวเลข ด้านกว้าง 1,988 มิลลิเมตร x ด้านยาว 4,904 มิลลิเมตร x ด้านสูง 1,669 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ค่อนข้างใหญ่พอตัว เมื่อรวมกับระยะฐานล้อที่ยาวถึง 2,950 มิลลิเมตร จึงทำให้มันมีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง โดยเฉพาะพื้นที่เบาะนั่งของผู้โดยสารแถวหลัง ที่มากถึง 1,330 มิลลิเมตร

นอกจากนี้ ทาง IM ยังใส่ใจในเรื่องความสะดวกสบายในการโดยสาร โดยระบุว่าพวกเขาให้เบาะนั่งของผู้โดยสารตอนหลังที่มีชั้นโฟมหนาถึง 517 มิลลิเมตร แถมพนักหลังยังสามารถปรับแนวการเอนได้อีก 10 องศา และในส่วนเบาะผู้โดยสารคู่หน้าเอง ก็ยังมีการใส่โฟมบริเวณพนักหลังอีก 20 มิลลิเมตร และบริเวณเบาะรองนั่งอีก 50 มิลลิเมตร เพื่อความนุ่มสบายสูงสุดอีก

ไม่เพียงเท่านั้น งานออกแบบภายในห้องโดยสาร ยังเน้นความโปร่งโล่งสบาย ด้วยบานกระจกรอบคันขนาดใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่หลังคาพาโนรามิคกลาสรูฟ ชุดคอนโซลเน้นงานออกแบบกึ่งมินิมอล ตกแต่งด้วยเส้นสายแบบโค้งมน และให้หน้าจอแสดงผลถึง 3 จอด้วยกัน ได้แก่ หน้าจอฝั่งผู้ขับขนาด 26.3 นิ้ว ซึ่งอันที่จริงจะพาดยาวไปถึงตรงกลางของคอนโซลหน้า และมีชุดจอขนาด 15.5 นิ้วอีกหนึ่งจอฝั่งผู้โดยสาร โดยจอทั้งสองชุดนี้จะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นแผ่นเดียว และยังสามารถสไลด์ขึ้น หรือลงไปเก็บซ่อนไว้ในแนวคอนโซลหน้าได้อีกด้วยหากต้องการ และทำงานร่วมกับชุดลำโพง 20 ตำแหน่ง โดยมีลำโพงอยู่ 4 ตำแหน่งติดตั้งบริเวณกรอบหลังคารอบห้องโดยสารด้วย

ส่วนอีกจอขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับคุมลูกเล่นอื่นๆเพิ่มเติมของตัวรถ จะติดตั้งที่คอนโซลกลาง โดยชุดจอนี้สามารถสั่งการได้ตั้งแต่ลูกเล่นพื้นฐานทั่วไป จนถึงลูกเล่นระบบช่วยควบคุมรถเข้าช่องจอด, ช่วยควบคุมรถออกจากช่องจอด, ระบบช่วยถอยหลังออกจากซอยตัน และระบบความปลอดภัยขั้นสูงอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสั่งการและควบคุมโดยระบบ AI อัจฉริยะ แถมยังใช้ชิปประมวลผลจาก Nvidia บริษัทผลิตชิป AI ชื่อดัง ที่สายคอมพิวเตอร์เกมเมอร์หลายคนรู้จักกันดีอีกด้วย

ด้านโครงสร้างแพลตฟอร์มตัวรถ ทาง IM ระบุว่าพวกเขาได้พัฒนาโครงสร้างแพลตฟอร์มใหม่ขึ้นมาเพื่อมันโดยเฉพาะ และมีชื่อโครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมของเจ้ารถคันนี้ว่า All-Stars จากการนำเอาทุกเทคโนโลยีขั้นสูงจากผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำต่างๆมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น จานเบรกจาก Brembo, คาลิปเปอร์เบรก และระบบควบคุมการเบรกจาก Continental, ชุดช่วงล่างไฟฟ้า จาก Tenneco ทำงานร่วมกับระบบกลไกช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ, ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อนและระบบสั่งการจาก SiC, และชุดยางจาก Pirelli เป็นต้น

ด้านแบตเตอรี่และระบบขับเคลื่อนของตัวรถ จะถูกแบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อย ตาม 2 กลุ่มหลักประเภทแบตเตอรี่ นั่นคือ

รุ่นแบตเตอรี่ IGBT Platform สถาปัตยกรรม 400 โวลท์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า High Power Mg-Al Alloy Black-label Motor

  • Max Standard : มอเตอร์เดี่ยว กำลังขับสูงสุด 314 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.9 วินาที พร้อมความสามารถในการทำความเร็วสูงสุดที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยตัวแบตเตอรีมีขนาด 71 kW รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 560 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ CLTC)
  • Max Long Range : มอเตอร์เดี่ยว กำลังขับสูงสุด 340 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.9 วินาที พร้อมความสามารถในการทำความเร็วสูงสุดที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยตัวแบตเตอรีมีขนาด 90 kW รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 680 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ CLTC)

รุ่นแบตเตอรี่ 800V SiC Platform สถาปัตยกรรม 800 โวลท์ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Ultra Performance Mg-Al Alloy Hurricane Motor

  • Max Ultra Long Range : มอเตอร์เดี่ยว กำลังขับสูงสุด 515 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.5 วินาที พร้อมความสามารถในการทำความเร็วสูงสุดที่ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยตัวแบตเตอรีมีขนาด 100 kW รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 725 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ CLTC)
  • Max Extreme Performance : มอเตอร์คู่ กำลังขับรวมสูงสุด 787 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 3.48 วินาที พร้อมความสามารถในการทำความเร็วสูงสุดที่ 252 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยตัวแบตเตอรีมีขนาด 71 kW รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 702 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบ CLTC)

ที่น่าสนใจคือ การเผยโฉม MG IM6 ครั้งนี้ จะเป็นการเผยโฉมตัวรถที่มาพร้อมกับการจัดแต่งแหน่งพวงมาลัยผู้ขับไว้ด้านขวาเป็นครั้งแรก ซึ่งมองในอีกมุมหนึ่งก็เท่ากับว่ามันคือการประกาศว่านี่อาจเป็นร่างต้นแบบสำหรับการขายในประเทศไทยเร็วๆนี้อยู่กลายๆ

โดยสำหรับผู้ที่สนใจ ก็รอสัมผัสตัวรถคันจริงกันได้ที่บูธรถยนต์ MG ภายในงาน Motor Expo 2024 ที่จะถึงนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.