ในงาน Shanghai Auto Show Nissan เปิดตัวกระบะรุ่นใหม่จากค่าย Zhengzhou Nissan เปิดตัว Nissan Frontier PRO กระบะลูกครึ่งญี่ปุ่น-จีน

Nissan Frontier PRO นำพื้นฐานของ Zhengzhou Nissan Z9 มาในร่างกระบะ 4 ประตู ดับเบิลแค็บ แปะตรานิสสัน
ด้วยแรงบันดาลใจจาก Nissan Hardbody หรือ Nissan BigM รุ่นปี 1980-1990 ตัวรถจึงมาพร้อมความเหลี่ยมสัน เส้นสายเอกลักษณ์ ดุดันด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ทรงทึบติดตราโลโก้ Nissan เรืองแสงแบบใหม่ ชุดไฟหน้า LED ทรงรูปตัวที พร้อมไฟ DRL แบบ LED แบ่งช่องกลาง 3 ช่องคล้าย Nissan BIGM กันชนหน้าเสริมการ์ดสีเข้มเสริมหล่อแกร่งมีราวหลังคาสีดำ บันไดข้างไฟฟ้า พร้อมคิ้วขอบล้อสีดำกลมกลืนกับบังโคลนล้อหน้าหลัง ด้านท้ายติดตั้งไฟเบรกดวงที่ 3 บนขอบหลังคารถ เสาอากาศครีบฉลาม ฝาท้ายพร้อมไฟท้ายทรงตัวทีแบบ LED และกันชนท้ายบิ๊วอินน์กลมกลืนกับตัวถังและล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ออปชันครบครันทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้าน มาตรวัดเรืองแสง TFT จอสัมผัสจอใหญ่ขนาด 14.6 นิ้วสร้างความบันเทิง รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย Apple CarPlay และ Android Auto ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถใช้แอปพลิเคชันระบบนำทางผ่านระบบเครื่องเสียงอัจฉริยะได้สะดวกยิ่งขึ้น รองรับการสั่งงานด้วยเสียง มาตรวัดความเร็วดิจิทัล LCD สี ขนาด 10 นิ้ว
จุดช่องชาร์จ USB พร้อมลำโพงรอบคัน เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์ด้านหลัง กุญแจรีโมทอัจฉริยะพรัอมปุ่ม Push Start กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ
เบานั่งหุ้มด้วยวัสดุกึ่งหนังแท้โดยเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Zero Gravity ช่วยลดความเมื่อยล้าเมื่อขับทางไกลและยังช่วยสะท้อนความร้อนทุกตำแหน่ง ชุดคอนโซลหน้าแผงประตูและพวงมมาลัยตกแต่งหนังสัมผัส
เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจากเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร 147 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 212 แรงม้าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 410 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร โดยการขับเคลื่อนด้วยโหมดพลังงานไฟฟ้าล้วน สามารถวิ่งได้ไกลสุด 135 กิโลเมตร (NEDC)
ตัวรถได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All Wheel Drive พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Hybrid, Pure electric, Performance และ Snow มีล็อกเฟืองท้ายหลังมีช่วงล่างหน้าแบบปีกนกคู่ด้านหน้าและด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ พร้อมระบบถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของรถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆหรือ Vehicle-to-load (V2L) มากถึง 6 kW
Nissan Frontier PRO เตรียมขายจีนก่อนสิ้นปี 2025 และเตรียมส่งไปจำหน่ายในต่างประเทศที่มีความต้องการ รวมถึงประเทศที่ใช้รถพวงมาลัยขวา อย่างประเทศไทยของเราเองก็ด้วย