ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราอาจเห็นว่านอกจาก Nissa Leaf แล้ว ทางค่ายก็แทบไม่มีผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าอื่นใดที่น่าสนใจ จนกระทั่งการมาของ Nissan N7 รุ่นใหม่ ที่ทุกคนเห็นกันอยู่ในขณะนี้
Nissan N7 คือรถซีดานไฟฟ้าขนาดใหญ่ ระดับใกล้เคียงกับ Toyota Camry และ Honda Accord ที่ชาวไทยหลายคนคุ้นชิน โดยหากย้อนไปอีกนิดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลายคนอาจคุ้นเคยกับเส้นสายของมันมาบ้างแล้ว ในฐานะรถคอนเซปท์ “Nissan Epoch” ที่ได้กระแสตอบรับกลับไปค่อนข้างดี ในฐานะว่าที่รถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ที่ทางค่ายตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในเวลานั้น
กลับมาที่ตัวรถร่างขายจริง เราจะเห็นได้ว่าเจ้า N7 ยังคงรักษาเส้นสายหลักของตัวรถคอนเซปท์เอาไว้ โดยเฉพาะเส้นเหลี่ยมสันไหล่รอบคันที่ดูเฉียบคม ชัดเจน บนชิ้นงานตัวถังที่ดูโค้งมน เรียบง่าย
ด้านหน้ามีลูกเล่นความเป้นเส้นปริซึมนิดๆที่ขอบกันชน ดวงไฟหน้าขนาดเล็ก แต่อยู่ในกรอบไฟที่ขนาบข้างด้านแถบไฟ DRL ทำให้มองภาพรวมแล้วเหมือนรูปหมายเลข 7, ช่องดักลมด้านล่างขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่หน้าตัดกันชน, ด้านบนมีแถบไฟ DRL Bar ขนาดใหญ่ตลอดแนวรอยต่อกันชนหน้าและฝากระโปรง ซึ่งหากคุณลองสังเกตให้ดี ก็จะพบว่าตัวฝากระโปรงยังมีการทำสันไหล่ให้รับกับแนวเสาหลังคาอีกด้วย เพื่อความมีมิติของตัวถังช่วงบน
ด้านข้างตัวรถเน้นรายละเอียดสะอาดตา แม้แต่มือเปิดปรับตูเองยังเป็นแบบซ่อน ขณะที่ชายล่างตัวรถกลับเป็นชิ้นงานพลาสติกด้าน เช่นเดียวกับกันชนหน้า-หลัง ซึ่งเข้าใจว่าเพื่อลดปัญหาความกังวลใจเรื่องรยขีดข่วนของเจ้าของ และเป็นเทรนด์ของรถยนต์ในยุคปัจจบัน ส่วนชุดล้อก็เล่นลวดลายที่ดูหรูหราด้วยหน้าก้านปัดเงา และคาดว่าจะมีขนาดที่ราวๆ 18-19 นิ้ว
ด้านท้ายรถ ยังคงดูสวยงามด้วยหลังคาแบบกึ่งฟาสท์แบค แถมฝากระโปรงท้ายมีการทำรูปทรงให้เหมือนตูดเป็ดเล็กน้อย ส่วนไฟท้ายก็เป็นแบบ Cross Tailight ตามสมัยนิยม โดยที่รายละเอียดดวงไฟด้านในก็ยังคงเน้นแถบเส้นขีด วางใต้แนวแถบไฟ LED เพื่อรับกับงานออกแบบด้านหน้า แต่บริเวณตรงกลางจะเป็นที่ตั้งของดวงไฟตัวอักษรชื่อแบรนด์ ซึ่งเข้าใจว่าจะเป็นงานออกแบบจุดเด่นใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะตามมาในอนาคตเช่นกัน
และกันชนท้าย ก็จะออกแบบให้ดูเรียบง่าย ด้วยรูปทรงด้านข้างที่โค้งมนลื่นไหล โดยที่ชายล่างจะมีการออกแบบให้ดูเชิดเล็กน้อย เพื่อเสริมความโฉบเฉี่ยวให้กับตัวรถ และแน่นอนว่ามันก็จะเป็นชิ้นงานขึ้นรูปจากวัสดุพลาสติกด้านเช่นกัน เพื่อลดโอกาสเกิดความเสียหายจากการขูดขีด หินดีดและอื่นๆ
ทั้งนี้ เนื่องจากกำหนดการวางขายจริงของตัวรถ ถูกระบุว่าจะเกิดขึ้นภายในช่วงต้นปี 2025 จึงทำให้ทางค่ายยังไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคด้านขุมกำลัง หรือระยะทางในการใช้งานออกมา แม้แต่ออพชันต่างๆของตัวรถ หรือลูกเล่นภายในห้องโดยสารก็ยังไม่มีการเปิดเผย
แต่เพื่อให้ลูกค้าชาวจีน ได้มองเห็นภาพรวมโดยคร่าวๆของตัวรถ ทาง Nissan และ Dongfeng (บริษัทคู่ค้าสัญชาติจีนที่เป็นคนดำเนินธุรกิจให้กับค่ายในประเทศดังกล่าว) ก็ระบุว่าตัวรถจะถูกสร้างขึ้นบนแพลทฟอร์ม modular electric architecture ซึ่งมีไว้เพื่อทำรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ, มาพร้อมขนาดตัว 4,930 มิลลิเมตรในด้านยาว, 1,895 มิลลิเมตรในด้านกว้าง, 1,487 มิลลิเมตร ในด้านสูง และระยะฐานล้ออีก 2,915 มิลลิเมตร
นอกจากนี้ ตัวรถยังจะมีระบบ Navigate on Autopilot ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือผู้ขี่ขั้นสูง หรือระบบ ADAS ที่มาพร้อมกับลูกเล่นระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ส่วนหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ ที่ใช้ระบบซอฟท์แวร์ขั้นสูงเช่นกัน ก็จะถูกประมวลผลโดยชิป Qualcomm Snapdragon 8295P อีกต่างหาก
เรียกได้ว่าเป็นรถที่มาพร้อมกับทั้งหน้าตา และทิศทางออพชันที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ติดก็แค่เพียงในตอนนี้ทางค่ายยังไม่มีแผนจะทำตลาดมันในตลาดโลก ซึ่งหมายความว่ายังไม่มีแผนเอามาขายในไทยด้วยในเร็วๆนี้นั่นเอง