ด้วยสถานการณ์ การแข่งขันในตลาดรถยนต์กลุ่มเอ็มพีวีที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ Toyota ที่เป็นเจ้าตลาดเอง ก็คงจะปล่อยผ่านไม่ได้ และไม่รีรอนักที่จะเปิดตัว Toyota Alphard/Vellfire ไลน์อัพใหม่ปี 2025 ออกมา และหนึ่งในนั้นคือขุมกำลังทางเลือกแบบ PHEV
แม้จะพึ่งมีการปรับโแมใหญ่ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา แต่ล่าสุด Toyota Alphard/Vellfire ก็ได้รับการปรับสเป็คใหม่อีกครั้ง โดยทางแบรนด์ได้มีการเพิ่มทางเลือกขุมกำลังใหม่ให้กับลูกค้า นั่นคือขุมกำลัง PHEV ที่ตอบโจทย์ลูกค้าซึ่งต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง หรือต้องการความทันสมัยให้กับภาพลักษณ์ของตนเองมากยิ่งขึ้น
โดยขุมกำลังไฮบริดเสียบปลั๊กใหม่ของตัวรถเอ็มพีวีเจ้าตลาดครั้งนี้ จะยังคงมีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร เป็นขุมกำลังหลักในการขับเคลื่อนตัวรถเหมือนเดิม แต่มันจะมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 2 ตัว ช่วยกันขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าและคู่หลัง ในแบบระบบขับเคลื่อน E-Four ให้กำลังรวมสูงสุดมากขึ้นเป็น 306 แรงม้า PS
และด้วยความเป็นรถยนต์ PHEV ซึ่งมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถใช้งานรถด้วยระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ด้วย โดยมีการเคลมระยะทางในการใช้งานสูงสุด 73 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTC และผู้ใช้สามารถชาร์จไฟจาก 0-80% ได้ภายในเวลา 38 นาที ด้วยระบบชาร์จไฟแบบ DC
เรื่องความประหยัดที่ขยับขึ้นมาเป็น 16.7 กิโลเมตร/ลิตร โดยเฉลี่ย และพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่สิ่งเดียวเท่านั้นที่ดีขึ้น แต่ทาง Toyota ยังระบุว่ามันช่วยให้รถมีทั้งความเงียบ และความสั่นสะเทือนที่น้อยลง ช่วยมอบประสบการณ์ในการโดยสารที่ดีได้มากกว่าเดิม
และแม้ตัวเลขระยะทางในการใช้งานด้วยโหมดการขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าล้วนจะมีระยะทางในการวิ่งที่ค่อนข้างต่ำ แต่ทาง Toyota กลับระบุว่ามันสามารถจ่ายไฟให้กับระบบ V2L ได้ด้วยกำลังไฟสูงสุดอีก 1,500 วัตต์ และหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ผู้ใช้ยังสามารถเปิดระบบ V2H เพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านที่สำคัญๆได้ด้วย หรือหากผู้ใช้นำรถไปรับลูกๆหลานๆ (หรือลูกเจ้านาย) ที่โรงเรียน ระหว่างจอดรอก็สามารถปิดเครื่องยนต์ แล้วเปิดโหมด “My Room” เพื่อเปิดระบบปรับอากาศ และเครื่องเสียง พักผ่อนระหว่างรอได้ด้วย (แต่ทางค่ายยังไม่ได้บอกว่าทำได้นานสุดกี่นาที)
นอกจากขุมกำลังใหม่ ทาง Toyota ยังมีการปรับรายละเอียดออพชันภายในห้องโดยสารใหม่ โดยคราวนี้ตัวรถทั้ง Alphard และ Vellfire จะมีทางเลือกเบาะนั่งภายในห้องโดยสารแบบ “Spacious Lounge” ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อด้วย
เมื่อมองจากรูป เราก็จะทราบได้ทันทีว่าความพิเศษของออพชันห้องโดยสารแบบใหม่นี้ คือการที่ตัวรถจะมาพร้อมกับเบาะที่นั่งภายในตัวรถเพียง 4 ตำแหน่งเท่านั้น โดยทางค่ายได้ทำการถอดเอาชุดเบาะแถวหลังสุดออกไป แล้วใส่เบาะ Captain Seat ชุดใหม่จาก Lexus LM เข้าไป ซึ่งมันมาพร้อมกับขนาดเบาะที่ใหญ่ขึ้น และลูกเล่นการปรับเอนนอน พร้อมระบบนวด รวมถึงลำโพงหัวเบาะ ที่จัดเต็มยิ่งกว่าเบาะแถว 2 ของเดิม
นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมกับ ช่องแอร์พิเศษทางด้านข้างของตัวเบาะนั่ง, เพิ่มตู้เย็น, และแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย รวมถึงปรับเปลี่ยนวัสดุเบาะนั่ง กับพรมพื้นรถ และผ้าหุ้มหลังคาใหม่ ให้หรูหรามากขึ้นอีก
ส่วนตัวรถรุ่นอื่น ที่ยังคงเป็นรุ่นขุมกำลังไฮบริด HEV ก็จะได้รับการปรับสเป็คและออพชันย่อยใหม่เช่นกัน เช่นรุ่น Z และ Z Premier ที่มาพร้อมระบบลำโพง JBL 15 ตำแหน่ง, จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 14 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และกระจกมองหลังดิจิตอลที่จะเพิ่มความสามารถในการแสดงผลภาพจากกล้องมองหลัง และกล้องหน้ารถ (ในมุมอับ) เข้ามา
โดยตัวรถ Toyota Alphard/Vellfire ไลน์อัพใหม่ปี 2025 จะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2025 เป็นต้นไป และจะมีราคาวางจำหน่ายตั้งแต่ 5,100,000 เยน (ราว 1,114,000 บาท) – 10,650,000 เยน (ราว 2,326,000 บาท) สำหรับรุ่น Alphard และ 6,700,000 เยน (ราว 1,463,500 บาท) – 10,850,000 เยน (ราว 2,370,000 บาท)
ส่วนการวางจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าอาจจะต้องรอกันอีกพักใหญ่ เพราะเป็นไปได้ว่าทาง Toyota อาจต้องการเคลียร์สต็อครถที่ลูกค้าจองไว้ให้หมดก่อน และรอให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้จับจองพร้อมรับรถจนทางโรงงานสามารถผลิตรถได้ทันตามความต้องการเสียก่อน จึงจะมีการเปิดตัวในประเทศไทยของเรากันอีกที