ยังคงเป็นคอมแพ็คซีดานยอดนิยมของทั่วโลกสำหรับ Toyota Corolla ถึงแม้จะโดนคู่แข่งตัวเอ้อย่าง Honda Civic และ Mazda 3 แย่งตลาดไปก็ตาม
แต่ความนิยมก็ยังไม่เสื่อมคลายล่าสุดที่ประเทศไต้หวันเปิดตัวรุ่น MY2023 กับ Toyota Corolla Altis ที่มองภายนอกแทบไม่ปรับอะไรเลยเปลี่ยนในส่วนของช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่และล้ออัลลอยลายใหม่ 16 นิ้ว นอกนั้นเดิมๆทั้งกระจังหน้าทรงสปอร์ กันชนหน้าออกแบบสปอร์ตพร้อมสเกิร์ตในตัว ชุดแต่งสเกิร์ตด้านข้าง ด้านหลัง ไฟตัดหมอกหน้า LED ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วและกระทะล้อใส่ฝาครอบ 15 นิ้ว พร้อมไฟหน้า Bi-Beam LED ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights ในโคมเดียวกัน และโลโก้ GR ในรุ่น GR Sport
ภายในปรับมาตรวัดใหม่ให้เป็นแบบดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว เพิ่มช่องเสียบ USB-C ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง มีเบาะหนังคู่หน้าแถบแดงดีไซน์สปอร์ตพร้อมโลโก้ GR พร้อมพนักพิงศีรษะ ปุ่มกดสตาร์ทตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR ในรุ่น GR Sport พร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ช่องเสียบ USB แบบ Type C ในช่องเก็บของคอนโซลกลาง, หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี, เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า (Lumbar Support), ระบบ Illuminate entry system, ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (Automatic Air Conditioning System) เสริมช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง (Rear Air Conditioning) แต่ที่ต่างจากสเปกไทยคือไม่มีแท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) กับ ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมติ และม่านบังแดดหลัง
ขุมพลังยังไม่เปลี่ยนยังเดิมๆคลาสสิกแบบเดียวกับ Corolla Altis ไทย ด้วยเบนซิน DUAL VVT-I 1.8 ลิตร 2ZR-FE 140 แรงม้า แรงบิด 177 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVTi 7 สปีดพร้อม Sequential Shift พร้อม Paddle Shift และเบนซิน Hybrid เจน4 ขนาด 1.8 ลิตร 2ZR-FXE 98 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตรในภาคเครื่องยนต์ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร ทำให้ได้แรงม้ารวมถึง 122 แรงม้า คู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT สำหรับช่วงล่างยังคงอิสระ 4 ล้อเช่นเดิมแต่ว่าในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 กลับไปใช้ช่วงล่างดั้งเดิมนั่นคือทอร์ชันบีม และความปลอดภัย TOYOTA SAFETY SENSE