ย้อนไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ หลายคนอาจเคยได้ยินข่าวคราวของว่าที่รถอเนกประสงค์ไฟฟ้ารุ่นใหม่จาก Toyota ที่จะใช้พื้นฐานร่วมกันกับ Suzuki e-Vitara กันมาบ้าง ซึ่งล่าสุดมันก็ได้ถูกเปิดตัวออกมาแล้ว และนั่นคือ Toyota Urban Cruiser คันนี้
ใช่ครับ Toyota Urban Cruiser ที่ทุกคนเห็นกันอยู่ในตอนนี้ คือรถที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันกับ Suzuki e-Vitara ซึ่งมันเหมือนกันชนิดที่ว่า แทบจะมีแต่เปลือกภายนอกเท่านั้นที่ต่างกันไป โดยในฝั่งรถยนต์ที่ถูกตีแบรนด์ Toyota ก็จะมาพร้อมกับชุดโคมไฟหน้าพร้อมแถบ LED ที่ถูกออกแบบโคม ให้เข้ากับกรอบกระจังหน้าในลักษณะของงานดีไซน์ Hammer Head อันเป็นงานออกแบบเอกลักษณ์ของรถยนต์จากแบรนด์พี่โตในปัจจุบัน
และเช่นเดียวกัน ตัวกันชนหน้าก็มีการออกแบบช่องดักลมด้านล่างใหม่ และยังรวมถึงช่องดักลมด้านข้างใหม่ เพื่อให้มันดูะเป็นรถที่เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองมากกว่าเดิม แต่นอกนั้นในด้านงานออกแบบตัวรถมุมอื่นๆ จะยังคงเหมือนกับคู่แฝด e-Vitara ทุกประการ ทั้ง แนวหลังคา กรอบกระจก สันไหล่แก้มข้าง กรอบคิ้วซุ้มล้อ ชายล่างประตู กันชนท้าย หรือแม้แต่ชุดล้อเองก็เหมือนกัน มีเพียงแนวกรอบโคมไฟท้ายเท่านั้น ที่อันที่จริงก็เหมือนกันเกือบ 100% แค่ต่างกันตรงทับทิมสะท้อนแสงแถบล่างสุดภายในดวงไฟท้ายแต่ละดวงเท่านั้น ที่ไม่ได้ถูกทำสีแดงเหมือนคู่แฝด
และด้วยขนาดตัวถังที่ยาว 4,285 มิลลิเมตร จึงทำให้มันถูกจัดเป็นรถครอสโอเวอร์ที่มีขนาดตัวคั่นกลางระหว่าง Toyota Yaris Cross (EU/JDM Version) และ Toyota C-HR ตัวใหม่ล่าสุด และทำให้มันมาพร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง จากระยะฐานล้ออีก 2,700 มิลลิเมตร ซึ่งอันที่จริงก็เป็นคุณสมบัติเดียวกันกับคู่แฝด
แถมขณะที่ภายนอกตัวรถยังมีการปรับเปลี่ยนงานออกแบบด้านหน้าตัวรถอยู่บ้าง แต่ภายในห้องโดยสารของรถ หากไม่นับพวงมาลัยที่มีการติดตั้งโลโก้แบรนด์ Toyota ตรงปุ่มกดแตร นอกนั้นก็ยังคงใช้ชิ้นส่วนตกแต่งเดียวกันกับคู่แฝด e-Vitara ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบคอนโซลหน้าพร้อมชุดหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 10.1 นิ้ว ซึ่งจะทำงานร่วมกับชุดหน้าจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขนาด 10.25 นิ้ว และลำโพง JBL
ส่วนคอนโซลหน้า ก็ให้งานออกแบบที่ดูใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ด้วยช่องแอร์กรอบเหลี่ยม ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศภายในรถแบบสวิทช์กด ไม่ใช่แบบทัชอยู่ในจออินโฟเทนเมนท์ ตามด้วยแผงคอนโซลกลางแบบ Dual Layer พร้อมปุ่มควบคุมลูกเล่นต่างๆบนตัวรถ เช่น ลูกบิดปรับตำแหน่งเกียร์ โหมดการขับขี่ เบรกมือไฟฟ้า เป็นต้น
นอกนั้นในส่วนเบาะนั่ง เบื้องต้นเบาะคู่หน้าจะมาพร้อมระบบปรับไฟฟ้าเพียงฝั่งคนขับเท่านั้น ส่วนเบาะแถวหลังสามารถปรับพับได้แบบ 40:20:40 และสามารถปรับพรับราบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก้บสัมภาระให้มากที่สุด
ด้านขุมกำลังตัวรถจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่ รุ่นมอเตอร์เดี่ยว 144 แรงม้า PS, รุ่นมอเตอร์เดี่ยว 174 แรงม้า PS ซึ่งต่างมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนล้อหน้าทั้งคู่ และมีรุ่นมอเตอร์คู่ สำหรับขับเคลื่อนชุดล้อทั้งสี่แบบ AWD ให้กำลังรวมกันสูงสุด 184 PS ซึ่งอาจจะไม่ได้มากมายนัก แต่ก็ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานทั่วไป
ด้านแบตเตอรี่ที่ให้มา จะมีทั้งขนาด 49 kWh สำหรับรุ่นที่ใช้มอเตอร์เดี่ยว และ 61 kWh สำหรับรุ่นที่ใช้มอเตอร์คู่ ซึ่งทั้งนี้ทางค่ายยังไม่ได้มีการเปิดเผยตัวเลขระยะทางในการวิ่งสุงสุดต่อชาร์จตามมาตรฐาน WLTP ออกมา เนื่องจากตอนนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาวางขายจริง แค่เป็นการเปิดตัวออกมาเพื่อให้ลูกค้าในยุโรปที่สนใจได้เตรียมจับจองกันก่อนก็เท่านั้นก่อนที่จะวางขายจริงในช่วงเดือนมกราคม ปี 2025 ที่จะถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้