VinFast ชื่อนี้อาจยังไม่คุ้นหูเท่าไหร่ แต่ในความจริง พวกเขาคือแบรนด์รถยนต์น้องใหม่สัญชาติเวียดนาม ที่กล้าพอจะบุกตลาดรถยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว และล่าสุด พวกเขาก็ยังแอบส่งรถมาโชว์ตัวเงียบๆในไทยอีกด้วย
ใช่ครับ ในงาน Future Mobility Asia ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทาง VinFast ได้แอบมาจัดบูธโชว์รถของพวกเขาในงานดังกล่าว เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้ลองสัมผัสและชิมลางตัวรถคันจริง ก่อนวางแผนการขายในไทย ซึ่งแล้ว มันให้ความรู้สึกอย่างไรบ้างล่ะ ?
ก่อนอื่น สำหรับตัวรถที่เราได้เข้าไปรับตัวจริงในครั้งนี้ คือ VinFast VF8 และ VinFast VF9 ซึ่งทั้งสองคัน ถือเป็นรถยนต์อเนกประสงค์สองรุ่นใหญ่สุดเท่าที่ทาง VinFast ทำขายอยู่ในตอนนี้
โดยในฝั่ง Vinfast VF8 ก็จะเป็นรถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ซึ่งมีขนาดตัวเทียบเท่ากับ Mazda CX-8 แต่กว้างกว่า และดูโดดเด่นกว่าในเรื่องของเส้นสายรอบคัน ที่เน้นความโค้มมนตามสัดส่วนต่างๆ แต่ส่วนปลายของเส้นจะยังคงมีแหลมคม
ซึ่งไปๆมาๆ งานดีไซน์เหล่านี้ แอบทำให้เรารู้สึกว่ามันคล้ายกับรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสของ Renault อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในส่วนของลักษณะกรอบและการแบ่งชั้นของโคมไฟหน้า หรือแม้แต่ด้านท้ายรถก็ตาม ต่างกันแค่ตรงเจ้า VF8 มีการเล่นเส้นสายงานออกแบที่ดูมีมิติมากกว่าในหลายๆจุดก็เท่านั้น
และในฝั่ง VinFast VF9 ก็จะเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ซึ่งขนาดตัวพอๆกับ Mazda CX-9 แต่กว้างกว่าเช่นกัน และมาพร้อมกับเส้นสายที่ดูหวือหวา เป็นเหลี่ยมเป็นสัน และอลังการมากกว่า
แต่ด้วยความที่ตัวรถเน้นมิติด้านกว้าง มากกว่าด้านสูง ประกอบกับไฟท้ายแบบคาดท้ายที่เกือบจะเป็นเส้นตรง จึงทำให้ตัวรถดูค่อนข้างแบนนิดๆ เมื่อมองทางด้านหลัง เทียบกับรถอเนกประสงค์ทั่วๆไป
ด้านงานออกแบภายในของตัวรถทั้งสองรุ่น จะเน้นความอลังการ และทันสมัย แต่เรียบง่าย ตามฉบับของรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งชุดคอนโซลที่มีเพียงจอกลางขนาด 15.6 นิ้ว เพียงจอเดียวเท่านั้นอยู่ตรงกลาง และไม่มีจอมาตรวัดอยู่ด้านหลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ D-Shape
ส่วนตรงกลางระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า เป็นแท่นคั่นขนาดใหญ่ ที่มีแผงปุ่มปรับตำแหน่งเกียร์เรียงเป็นแนวตั้ง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ หรือไม่ก็รถซุปเปอร์คาร์อิตาลี และทั้งนี้ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะคนออกแบบรถให้ VinFast เป็นชาวอิตาลี ที่เคยออกแบบรถให้แบรนด์เยอรมันอย่าง Audi มาแล้ว
นอกนั้นในส่วนเบาะนั่งทั้งตอนหน้าและตอนหลังก็มีขนาดใหญ่โตพอประมาณ หุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ที่ดูหรูหรา แถมเจาะรูมาให้เรียบร้อยเพื่อการระบายอากาศ และการปรับตำแหน่งทิศทางต่างๆของเบาะคู่หน้า เป็นการปรับไฟฟ้าทั้งหมด
ส่วนขุมกำลัง แม้ทั้ง VF8 และ VF9 จะมีขนาดที่ต่างกันพอสมควร แต่รถทั้งสองคันนี้ ต่างก็ใช้ขุมกำลังรูปแบบเดียวกัน คือ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สำหรับแยกกันขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า และชุดล้อคู่หลัง โดยพวกมันจะสามารถให้กำลังสูงสุดร่วมกันที่ 402 แรงม้า HP กับแรงบิดสูงสุดอีก 620 นิวตันเมตร
แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่ต่างกันพอสมควร จึงทำให้ในขณะที่ VF8 สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.5 วินาที ส่วน VF9 จะสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 6.5 วินาที
ด้านแบตเตอรี่หากเป็นตัวรถ VF8 จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 87.7 kWh และรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 391 กิโลเมตร/ชาร์จ และสามารถชาร์จไฟกลับจาก 10-70% ด้วยระบบ Fast Charge (รองรับกำลังไฟสูงสุด 250 kW) ได้ในระยะเวลา 31 นาที
ด้านแบตเตอรี่หากเป็นตัวรถ VF9 จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 123 kWh และรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 580 กิโลเมตร/ชาร์จ และสามารถชาร์จไฟกลับจาก 10-70% ด้วยระบบ Fast Charge ได้ในระยะเวลา 35 นาที
และนั่นคือรายละเอียดหลักๆทั้งหมดของตัวรถ…
แล้วตัวรถคันจริงที่ได้เห็นกับตาเป็นอย่างไรบ้าง ? ซึ่ง ณ จุดๆนี้ ส่วนตัวทีมงาน Ridebuster ต้องบอกว่า ยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก … เพราะแม้ตัวผู้เขียน จะยังไม่ได้ลองขับตัวรถ แต่จากการได้ลองยืนสอดส่องตัวรถรอบคัน ทั้งฝั่ง VF8 และ VF9
ผู้ทดสอบพบว่าตัวรถมีตำหนิ และจุดสังเกตที่เชื่อว่าถ้าใครได้เห็น ก็น่าจะบอกว่า “ไม่ผ่าน” เป็นเสียงเดียวกันแน่ๆ ทั้ง..
- ซุ้มล้อพลาสติกสีดำของ VF8 มีจุดเผยอหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะในจุดที่ไม่ใช่รอยต่อ ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่าย แม้ไม่ต้องไปยืนเพ่งก็ตาม
- ฝาปิดช่องเสียบปลั๊กชาร์จไฟ เป็นคนละโทนสีกับตัวถัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องยืนสังเกตกันดีๆสักนิดนึง แต่ถ้าเห็นแล้วจะตงิดใจสุดๆแน่นอน
- สีตัวถังมีตำหนิในหลายๆจุด ซึ่งแต่ละจุดไม่ใช่รอยที่น่าเกลียดนัก แต่ก็ทำให้ตงิดใจในเรื่องความปราณีตอยู่ดี
- ชิ้นงานพลาสติกด้านภายในห้องโดยสาร สัมผัส เสียง สี ดูๆแล้วยังไม่ใช่วัสดุเกรดเทียบชั้นกับรถยนต์แบรนด์ตลาดในบ้านเราได้ (ค่อนไปทางต่ำกว่าพอสมควร)
- เช่นเดียวกับชิ้นงานพลาสติกด้านบน หนังหุ้มเบาะส่วนต่างๆในจุดใหญ่ๆอาจจะดูดีมีคุณภาพ แต่มีบางส่วนที่หนังฯแอบบาง จนเห็นรอยยับย่นลงไป ราวกับฟองน้ำด้านในขาดจากกันไปแล้ว แต่หนังด้านบนยังปกติอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับรถตัวโชว์ ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนเลย (หรือรถญี่ปุ่นบางคันที่ผ่านการใช้งานมานานแล้ว ก็ยังไม่เคยเกิดรอยลักษณะนี้เลยด้วยซ้ำ เต็มที่มีแค่หนังเปื่อยเท่านั้น)
- ชิ้นส่วนยางขอบต่างๆแข็งผิดปกติ ทั้งๆที่บางส่วนควรใช้ยางนุ่ม
- บานประตูแต่ละบานมีความหน่วงไม่เท่ากัน และบางบานก็ค่อนไปทางฝืดๆหนักๆเกินไป
- สวิทช์ปรับตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า เก็บงานยังไม่เรียบร้อย ทั้งตัวฝาครอบสวิทช์ และระยะห่างของตัวปุ่มที่ยกสูงมากเกินไป จนเห็นฐานด้านล่างชัดเจน
ซึ่งทั้งหมดยังเป็นเพียงการสังเกตภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น
ดังนั้นแม้ตัวรถจะมีฟังก์ชันที่ดูดีน่าสนใจแค่ไหน แต่เราก็อยากให้ทาง VinFast ช่วยปรับปรุงคุณภาพในส่วนต่างๆเหล่านี้ก่อนที่จะมาเปิดตัวและวางจำหน่ายในไทย ซึ่งเราได้ข้อมูลมาว่า อาจจะเกิดขึ้นภายในช่วงปี 2024 ที่จะถึงนี้แล้ว..