Nissan Almera 1.0 VL
ในรุ่นท๊อปสุด การเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือการให้ความพรีเมียมในงานออกแบบมากยิ่งข้น กระจังหน้า เปลี่ยนเป็นโครเมี่ยม รมดำ
ห้องโดยสารปรับรายละอียดให้พวงมาลัยและหัวเกียร์ หุ้มหนัง รวมถึงแผงประตูข้างเดินตะเข็บ เป็นจุดที่แตกต่าง
ไฮไลท์หลัก อยู่ที่การให้ความปลอดภัยครบองค์ที่สุดในรุ่น ด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด เพิ่มม่านนิรภัย และ ถุงลมนิรภัยทางด้านข้าง และติดตั้งระบบ Blind spot Warning system และ Rear Cross Traffic Alert
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาจากรุ่น V
- กระจังหน้าโครเมี่ยมรมดำ
- พวงมาลัย -เกียร์หุ้มหนัง
- ม่านและถุงลมนิรภัยทางด้านข้าง
- ระบบ blind Spot Monitoring
- ระบบ rear Cross Traffic Alert
ราคาจำหน่าย 639,000 บาท (+40,000 บาท จากรุ่นก่อนหน้า)
สรุปรุ่นไหนคุ้ม ….
โอยปวดกบาล กว่าจะย่อยแต่ละรุ่นเสร็จ ทีนี้มาถึงคำตอบว่ารุ่นไหนคุ้มเสียที
ในการนี้ผมขอใช้วิธีการตัดตัวเลือก ที่ไม่คุ้มออกไปก่อน เพื่อคัดที่ดีที่สุดนะครับ สำหรับผมตัวเลือกแรกที่จะตัดไปเลย คือรุ่นเริ่มต้น
ตั้งแต่ Nissan March ตัวเก่า นิสสัน ชอบวางราคารุ่นเริ่มต้น เป็นรุ่นเรียกแขก ราคาถูกจริง ต่ำกว่า 5 แสนบาทจริง ไม่มีอะไรเลย รถมาโล้นๆ ตามสเป็ค แถมบังคับเรื่องสีกับลูกค้าด้วย ดังนั้นผมเชื่อว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่ซื้อมันแน่…
ทีนี้ตัวเลือกที่เหลือ จาก S มารุ่น E ราคาเพิ่ม 10,000 บาท เท่านั้น เป็นรุ่นเริ่มต้นตัวจริง ครบเครื่องมากขึ้น ทุกอย่างเริ่มมีความทันสมัยขึ้น เรียกว่า พอกับการใช้งาน
พอขยับไป EL ตรงนี้ราคากระโดดไปอีก 50,000 บาท ถามฟังชั่นในรุ่น EL ที่เพิ่มขึ้น ก็มองว่าคุ้มค่าไม่น้อย ได้ล้อแม็ก , กุญแจคียเลส , ปุ่มสตาร์ท , เบาะขอบเทา ที่สำคัญ ระบบความปลอดภัย เตือนการชนทางด้านหน้า ราคา 559,000 บาท ผมว่า จัดได้ เลยล่ะ
พอขึ้นมารุ่น V และ VL ทั้ง 2 รุ่น ช่วงราคาห่างกัน รุ่นละ 40,000 บาท ถ้าผมไม่บ้าเรื่องฟังชั่นต้องครบจริงๆ จะตัดรุ่น VL ออกไป ทันที เพราะ หลักๆ เป็นการตบแต่งความสวยงาม และระบบความปลอดภัยที่ให้มา อีก 2 ตัว Rear Cross Traffic Alert และ blind spot Monitoring ถ้าขับรถระวังอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นเท่าไรนัก รวมถึงถุงลมนิรภัย 6 จุด บางคนอาจจะมองว่าไม่จำเป็น
กลับกัน ตอนโดดจากรุ่น EL มาเป็น V ของเล่นที่ให้เยอะกว่ามากพอสมควร มีตั้ง 11 รายการ และ เป็นสิ่งที่อยากได้ ดังนั้น ผมจึงเลือกตัด VL ออกไป อีกรุ่น เหลือ E, EL และ V เท่านั้น ที่ยังเป็นตัวเลือกในความคุ้มค่าน่ามองหา
หลายครั้งที่เขียนบทความเช่นนี้ผมมักตระหนักเสมอว่า ลูกค้าที่มองรถมีงบประมาณไม่เท่ากัน บางคนต้องการรถไว้เดินทาง บ้างต้องการฟังชั่นเพิ่มเติม
ถ้าผมเลือกรถไว้เดินทางใน 3 ตัวเลือก แน่นอนว่าต้องรุ่น E ออพชั่นไม่มาก ได้เครื่องเทอร์โบได้ ความประหยัด และ ออพชั่นความปลอดภัยพื้นฐานที่เพียงพอต่อการใช้งาน เพียงแค่ไม่สวยงามอลังการงานสร้างเท่านั้น
ถ้าจะเพิ่มอีก 50,000 เพื่อเอา EL ได้ฟังชั่นจุกจิก ในเรื่องความทันสมัย เด่นๆ จะเป็นเบรกออโต้ และกุญแจ Keyless พร้อมปุ่มสตาร์ท รวมถึงล้ออัลลอย รวมถึงเลือกสีได้มากกว่า เป็นผมจะกัดฟัน กระโดดไป V เลย เพราะได้ความแตกต่างชัดเจน ถ้ารวมของจาก EL ด้วย จะได้ออพชั่นต่างกัน 23 รายการ เลยทีเดียว (บวกออพชั่นที่เปลี่ยนแปลงในรุ่น EL และ V ) โดยเพิ่มเงินอีก 90,000 บาทเท่านั้น ถัวเฉลี่ยการผ่อนต่อเดือนไม่มากเท่าไร และราคาไม่ได้ผ่านไปช่วง 6 แสนบาท ผ่อนรถ เดือนละ 10,000 บาทต้นๆ พอได้อยู่
ดังนั้น ในการฟันธง Which Value – Nissan Almera ผมตัดสินใจว่าจะให้รุ่นที่คุ้มค่า 2 รุ่น คือ
1. Nissan Almera E สำหรับคนที่ไม่ต้องการฟังชั่นมาก เน้นรถใช้งานไม่ได้ต้องการออพชั่นเยอะแยะมากมาย ราคา 509,000 บาท ได้ออพชั่นจำเป็นเพิ่มขึ้นจากรุ่น S พอสมควร และเพียงพอต่อการใช้งาน
2.Nissan Almera V สำหรับ คนที่ต้องการฟังชั่นครบๆ แต่ไม่ได้ต้องการเยอะมากเกินไป มันมีของเล่นครบและหน้าตารถที่เหมือนรุ่นท๊อป มีระบบความปลอดภัยที่จำเป็น ทั้ง ระบบเตือนการชนทางด้านหน้า พร้อมช่วยเบรก และ กล้อง 360 องศา ลูกเล่นคล้ายตัวท๊อป ขาดเพียงการตบแต่งภายใน ถุงลมนิรภัยเสริม และ เตือนมุมบอก 2 รายการ แต่ได้ลูกเล่นเพิ่มจาก E 23 รายการ ในราคาเพิ่มอีก 90,000 บาท (ราคาขาย 599,000 บาท) ก็ต้องยอมรับว่าคุ้มค่าที่จะจ่ายครับ
Nissan Almera ใหม่ เริ่มขายแล้วตั้งแต่วันนี้ที่โชว์รูมนิสสันทั่วประเทศ ใครสนใจก็ไปดูกันได้ครับ การเขียนตามบทความนี้เพียงเป็นแนวทางการตัดสินใจจากผู้เชี่ยวชาญ การตัดสินใจของท่านมีความเสี่ยงต้องศึกษาด้วยตัวเอง เพิ่มเติมครับ
หมายเหตุ บทความนี้เป็นการตัดสินของทีมงานตามความเห็นของทีมงาน Ridebuster.com
ห้ามดัดแปลง ทำซ้ำ หรือนำข้อมูลไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
ที่มาข้อมูลเขียนบทความ จาก Nissan มอเตอร์ ประเทศไทย