Home » Zeekr 009 รถตู้ไฟฟ้าสุดหรู จ่อขายไทยเดือนหน้า
รถใหม่ รถใหม่ในประเทศ

Zeekr 009 รถตู้ไฟฟ้าสุดหรู จ่อขายไทยเดือนหน้า

Zeekr 009 อาจไม่ใช่สิ่งที่ชาวไทยถึงกับไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก เพราะในความจริงทางแบรนด์ได้เคยโชว์ตัวมันแล้วครั้งหนึ่งในงาน Motor Show 2024 แต่ล่าสุดเราก็พบว่าพวกเขาได้มีการทำรถที่เป็นรุ่นพวงมาลัยขวา มาวิ่งทดสอบให้เห็นกันแล้ว และอาจขายในเดือน กันยายนนี้

Zeekr 009 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่ถูกจับตามองในไทยมาตั้งแต่การโชว์ตัวครั้งแรกเมื่อต้นปีที่งาน Motor Show 2024 ซึ่งจุดขายของมัน ก็คือการนำเสนอความเป็นรถตู้ไฟฟ้าที่ถูกอัดแน่นด้วยลูกเล่นสุดแสนพรีเมียมมากมายเข้าไป ภายใต้ความรับผิดชอบของ Stefan Sielaff อดีตดีไซน์เนอร์ของ Audi ที่สำนักงานของ Zeekr ในเมืองโกเดนเบิร์ก ประเทศสวีเดน

เริ่มจากงานออกแบบภายนอก ที่หากไม่นับเรื่องความเป็นรถทรงกล่องตามฉบับรถตู้ MPV ซึ่งถูกตีกรอบไว้อย่างชัดเจน (แต่มีค่า Cd ต่ำเพียง 0.27 เท่านั้นสำหรับเจ้าเบิ้มคันนี้) ก็คือการเล่นรายละเอียดตามส่วนต่างๆที่เน้นภาพลักษณ์หรูหรา ทั้งกระจังหน้าปิดทึบ แต่ออกแบบซี่ตะแกรงถี่ๆแนวตั้งตรงกลางให้เป็นแถบโครเมียมร่อง 3 มิติ โดยที่ด้านล่างยังคงมีช่องดักลมปกติ แต่ตรงกลางจะเป็นที่ตั้งของเซนเซอร์ตรวจจับวัตถุทางด้านหน้า

และด้วยความเป็นรถยนต์จากแบรนด์ Zeekr ทางดีไซน์เนอร์จึงไม่ลืมที่จะใส่ชุดแถบไฟ DRL แบบเขี้ยวเสือ รูปตัว U คว่ำมาให้ทางครึ่งบนของด้านหน้าตัวรถ ส่วนตำแหน่งไฟหน้าจริงๆ จะอยู่ในจุดกึ่งกลางของด้านหน้าตัวรถฝั่งซ้ายและฝั่งขวา และเป็นดวงไฟ Projector LED ฝั่งละ 3 ดวง โดยที่ด้านล่างโคมไฟ จะเป็นตำแหน่งของช่องดักอากาศไว้ไล่ลมวนออกจากซุ้มล้อคู่หน้า

เมื่อมองจากด้านข้าง เราก็จะพบทั้งความหรูหราจากชุดล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว ใหญ่สะใจและออกแบบงานดีไซน์ให้เหมือนมีประกายแสงสีเงินกระจายออกจากตรงกลาง ที่สำคัญคือมันยังรัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport EV ซึ่งเป็นยางเน้นสมรรถนะ

และยังพบความใส่ใจในเรื่องรายละเอียดอื่นๆอย่าง การให้กระจกหูช้างขนาดใหญ่ที่เสา A เช่นเดียวกับบานกระจกด้านข้างขนาดใหญ่ตั้งแต่หัวจรดท้าย ซึ่งใหญ่แทบจะเรียกได้ว่ามากที่สุดของรถตู้ขนาดไล่เลี่ยกัน แต่เพื่อไม่ให้ตัวรถดูสูงโปร่งเกินไป ทางดีไซน์เนอร์จึงมีการออกแบบแถบโครเมียมตัดแนวกระจกด้านบนด้วยเพื่อหลอกสายตาคนที่มองไปยังตัวรถทางด้านข้าง

ส่วนด้านท้ายตัวรถ ยังคงใส่ความโดดเด่นด้วยชุดสปอยเลอร์หลังทางด้านบน คั่นกลางด้วยกระจกหลังบานใหญ่ก่อนลงไปถึงช่วงไล่ตัวรถซึ่งเป็นแถบไฟท้าย LED แบบ Cross Tail Light ซึ่งมีการเล่นกราฟฟิกและการวางตำแหน่งดวงไฟไว้ค่อนข้างสวยงาม รับกับงานออกแบบทางด้านหน้าได้เป็นอย่างดี ขณะที่กันชนท้ายก็เน้นความเรียบง่ายด้วยการปั๊มทรงกันชนให้มีความโหนกนูนเพื่อเพิ่มมิติตัวรถด้านหลังให้ดูไม่เรียบจนเกินไป และใส่แถบโครเมียมตัดโทนอีกเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น

และด้วยความเป็นรถตู้ที่เน้นเรื่องของพื้นที่ภายในห้องโดยสารพอสมควร มันจึงมาพร้อมกับขนาดตัว 5,209 มิลลิเมตร ในด้านยาว, 2,024 มิลลิเมตร ในด้านกว้าง, และ 1,867 มิลลิเมตร ในด้านสูง กับระยะฐานล้ออีก 3,205 มิลลิเมตร (ที่มา Zeekr Global)

ส่งผลให้คราวนี้ ผู้ผลิตสามารถยัดของเล่นสุดหรูเข้าไปได้มากมาย ทั้งคอนโซลหน้าที่ดูกว้างขวาง ซึ่งมีชุดจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ตามด้วยคอนโซลกลางพร้อมช่องเก็บของไซส์เบิ้ม และยังมีถาดชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายใส่มาให้เสร็จสรรพ

จุดขายสำคัญที่แท้จริงภายในห้องโดยสาร ก็คือการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารตอนหลัง เพราะไม่ใช่แค่เบาะนั่งคู่หน้าเท่านั้นที่จะถูกหุ้มด้วยวัสดุหนังแนปป้าเจาะรูพร้อมระบบทำความร้อนและระบายอากาศ รวมถึงระบบปรับไฟฟ้า ตัวเบาะคู่กลางแบบ Captain Seat ก็มีลูกเล่นที่คล้ายกันกับเบาะหน้า แต่มีลูกเล่นเสริมเข้ามามากมายทั้งระบบนวด 3 ระดับ, แผ่นรองน่องปรับไฟฟ้าที่ท้ายเบาะ, แท่นวางเท้าซึ่งต้องกางออกมาจากเบาะผู้โดยสารคู่หน้าสุด

และด้วยความเป็นรถผู้บริหาร หรือจะใช้สันทนาการแบบคนบ้านใหญ่ มันจึงได้รับการติดตั้งชุดจอเพื่อความบันเทิง ขนาด 15.6 นิ้ว ซึ่งสามารถสั่งกางเปิด หรือพับเก็บได้ด้วยระบบไฟฟ้า หรือหากผู้โดยสารตอนหลังอยากจะประชุมงาน ก็สามารถเปิดระบบสื่อสาร แล้วใช้งานกล้องกับไมโครโฟนรอบห้องโดยสารตอนหลังได้ (ในตำแหน่งข้างเบาะแถวสามก็มีไมค์รับเสียง) โดยที่ชุดลำโพงจะเป็นของ Yamaha ทั้งหมด ซึ่งหากผู้โดยสารกังวลว่าแสงในห้องโดยสารมืดเกินไปจนประชุมงานไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะเหนือหลังคามีกระจกพาโนรามิคซันรูฟบานใหญ่ใส่มาให้อีก

หากความสะดวกสบายยังไม่พอรถคันนี้ยังมีพอร์ทชาร์จไฟอุปกรณ์อีกเล็กทรอนิกส์อีกเกือบ 10 จุด ช่องเก็บของและวางขวดน้ำอีกมากมาย, ประตูบานสไลด์ด้านข้าง ก็สามารถสั่งการเปิดปิดได้ดด้วยระบบไฟฟ้า ทั้งจากสวิทช์ตรงเสา หรือสั่งผ่านหน้าจออินโฟเทนเมนท์ที่คอนโซลหน้า

หรือหากเป็นตัวรถที่วางจำหน่ายในต่างประเทศ มันยังมีออพชันช่วงล่างถุงลมไฟฟ้าที่สามารถประผันความหนืดในการยืดยุบเพื่อความสามารถในการซับแรงตามสภาพผิวถนนที่ครอบคลุม และยังใช้ในการโหลดตัวรถให้เตี้ยลง เพื่อการเข้าออกห้องโดยสารที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นได้อีก ซึ่งออพชันนี้ต้องรอลุ้นกันว่าจะมีให้เลือกในตัวรถรุ่นที่ขายในไทยหรือไม่ ?

ส่วนระบบความปลอดดภัยขั้นสูง ทาง Zeekr ก็ยัดระบบ ADAS มาให้เต็มๆกว่า 30 ฟังก์ชัน โดยมันจะอาศัยการทำงานผ่านระบบซอฟท์แวร์อัจฉริยะที่ทางค่ายเรียกว่า Mobileye ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์สำคัญๆอย่าง กล้องรอบคัน 7 ตัว, เซนเซอร์ Ultrasonic คลื่นสั้น สำหรับตรวจจับวัตถุระยะใกล้อีก 12 ตำแหน่ง, และยังมีเซนเซอร์คลื่นยาวอีก 1 ตัว สำหรับจับวัตถุระยะไกลด้านหน้าเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสารภายในรถ

โดย Zeekr 009 ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับที่ทางค่ายใช้สร้าง Zeekr 001 รถยนต์ไฟฟ้าทรงชูทติ้งเบรก แถมทางบริษัทแม่อย่าง Geely ยังเอาไปใช้ในการสร้างรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าตัวแรงที่เป็นกระแสบนโลกโซเชียลของประเทศไทยอยู่พักหนึ่งอย่าง Lotus Electre อีกดด้วย

และนอกจากเรื่องของสมรรถนะที่น่าสนใจ ทาง Zeekr ยังระบุอีกว่าโครงสร้างตัวถังของเจ้า 009 สามารรับแรงเฉือนได้มากถึง 36,450 นิวตันเมตร/องศา ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในตลาดคลาสเดียวกัน

ส่วนขุมกำลังที่ให้มา ก็เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่แบ่งกันทำงานขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าและคู่หลัง ในลักษณะของระบบขับเคลื่อน AWD ให้กำลังรวมกันสูงสุด 544 PS สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 4.5 วินาที แม้จะมีน้ำหนักตัวที่มากถึง 2,830 กิโลกรัม

ท้ายสุดคือเรื่องแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่คือแบต Qilin ซึ่งถูกผลิตโดย CATL บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก โดยแบตเตอรี่ที่ว่านี้ จะเป็นแบตฯซึ่งประกอบไปด้วยธาตุ ลิเธียม นิกเกิล แมงกานีส และโคบอลต์ พร้อมให้ความจุพลังงานสูงสุด 140 kWh และสามารถวิ่งได้ไกลสุด 822 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน CLTP

Zeekr 009 โฉมไทย

ทั้งนี้ ข้อมูลข้างต้น ยังเป็นข้อมูลของตัวรถสเป็คที่วางจำหน่ายในต่างประเทศเท่านั้น ส่วนตัวรถรุ่นที่วางจำหน่ายในไทย อาจมีการปรับเปลี่ยนออพชันในบางจุด (แต่เท่าที่เราทราบมาคือส่วนใหญ่ยังอยู่ครบ โดยเฉพาะลูกเล่นภายในห้องโดยสาร) เฉกเช่นกับ ตัวที่วางขายในต่างประเทศ

ล่าสุด แหล่งข่าวของ Ridebuster ใน Zeekr ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูล ชี้ว่า ทางบริษัท วางแผน จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นดังกล่าวในเดือนกันยายนนี้ และเต็มที่จะเปิดตัวไม่เกินในเดือนตุลาคม

ก่อนหน้านี้ ทางเราได้รับทราบว่า ตัวแทนจำหน่ายบางราย มีการเปิดรับจองรถตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์ทีผ่านมา โดยมีการคาดการณ์ว่าราคาจำหน่าย จะสูงถึง ราวๆ 3.2 ล้านบาท

ข้อมูลตัวรถ จาก Zeekr Global

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.