หลังเป็นข่าวลือ และมีการวิ่งทดสอบในไทยมานานนับปี ในที่สุด Ford Everest ขุมกำลัง “Diesel V6” ก็ได้ประกาศพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ด้วยรุ่นย่อยใหม่ “Platimun” ราคา 2,279,000 บาท
Ford Everest Platinum ชื่อนี้อาจไม่ใช่ชื่อใหม่เท่าไหร่นัก เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันคือหนึ่งในรุ่นย่อยที่ทาง Ford ใช้กับตัวรถ Everest เจเนอเรชันนี้ สำหรับการวางจำหน่ายในประเทศออสเตรเลียมาตั้งแต่แรก
โดยความพิเศษหลักๆของมัน ที่แตกต่างจากตัวรถรุ่นอื่นๆ ก็จะเริ่มจากงานตกแต่งภายนอก ทั้ง กระจังหน้าสีเงินด้าน Satin Chrom, กรอบกระจกหน้าต่างสีเงินด้าน Satin Chrom, ราวหลังคาแบบลอยตัว (Stand-off Roof Rail), และการติดตั้ง สัญลักษณ์ PLATINIUM บริเวณฝากระโปรงหน้า/ประตูคู่หน้า/ฝากระโปรงหลัง พร้อมระบบไฟส่องสว่างภายนอกแบบแบ่งโซน Zone Lighting และล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว พร้อมยางขนาด 275/45 R21
ขณะที่ภายในห้องโดยสารเอง ก็มาพร้อมกับลูกเล่นใหม่ ได้แก่ การตกแต่งภายในห้องโดยสารสีเทา-ดำ, เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำลาย Diamond Cut พร้อมสัญลักษณ์ PLATINUM, เบาะนั่งคนขับ พร้อมระบบ Easy Entry / Exit และ ระบบบันทึกความจำตำแหน่ง, เพิ่มระบบอุ่นและระบายอากาศ สำหรับเบาะนั่งคู่หน้า, เพิ่มระบบอุ่น สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2, และเพิ่มชุดเครื่องเสียง พร้อมลำโพง Bang & Olufsen (B&O) 12 ตำแหน่งเข้ามา
และที่เป็นไฮไลท์สำคัญของตัวรถรุ่นนี้ ก็คือการที่มัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลลูกใหม่ แบบ V6 เทอร์โบเดี่ยว ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 250 PS ที่ 3,250 รอบ/นาที และ แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ส่งกำลังไปยังชุดล้อทั้ง 4 ผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time 4A พร้อมระบบ Active Centre Differential และระบบล็อกเฟืองท้าย Dift Lock ที่ล้อคู่หลัง
นอกจากนี้ ด้วยมาตรฐานการควบคุมมลพิษแบบใหม่ ทำให้ Ford Everest Platinum มาพร้อมกับถังเติมสาร Adblue ขนาด 18 ลิตร เพื่อใช้ในการลดการปล่อยมลพิษออกจากท่อไอเสีย โดยลูกค้าสามารถซื้อสาร AdBlue เพิ่มเติมได้ ณ ศูนย์บริการ เมื่อรถใช้งานสารนี้จนหมด ในราคา 800 บาท ต่อแกลลอน ขนาด 9.45 ลิตร และ 340 บาท ต่อแกลลอนขนาด 3.78 ลิตร
โดย Ford Everest Platinum พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคา 2,279,000 บาท พร้อม 3 เฉดสีให้เลือกซื้อ ได้แก่ สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก, สีเทา เมทิเออร์ เกรย์, สีดำ แอบโซลูท แบล็ค, สีน้ำตาล อีควิน็อคซ์ บรอนซ์, และสีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (เพิ่มราคาอีก 12,000 บาท) และเบื้องต้นจะมีการวางจำหน่ายเพียง 350 คันเท่านั้น