ในช่วง 3 ปีที่แล้ว หน่วยงานรัฐบาลของ ออสเตรเลีย ได้ เปิดเผยุึงความพยายามในการลดการปล่อยไอเสียจากรถยนตื โดยมีแผนในระยะกลาง 3 ปี ในการลด การปล่อยไอเสียจากปลายท่อ ในขณะที่โลกยุคใหม่ เองก็ให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้า และรถไฮบริดก็มากขึ้จ แต่รถกระบะ รถตู้ กลับ ยังไม่สามารถทำได้ ซ้ำยังปล่อยไอเสียเพิ่ม
ข้อเท็จจริง ดังกล่าว ถูกเปิด จากหน่วยงาน The Federal Chamber of Automotive Industries ระบุว่า รถยนต์กลุ่มเพื่อการพาณิชย์ โดยส่วนใหญ่ (รถกระบะ และ รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่) ยังไม่สามารถลดไอเสียได้ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ว่า ควรจะอยู่ในระดับ 189 กรัม ต่อกิโลเมตร ปัจจุบันทำได้เพียง 212.8 กรัม ต่อกิโลเมตร
ลดลงจากปี 2021 ในภาพรวม 212.8 กรัมต่อกิโลเมตร เพียง 0.3 กรัม ต่อกิโลเมตรเท่านั้น หรือ แทยไม่เปลี่ยนแปลง โดยหาก คำนวน ระหว่างเป้าหมาย กับการพัฒนาตัวรถนั้น เราจะพบว่า ยังห่างอีกราวๆ 23% ของค่าการลดไอเสียที่ควรจะทำได้
กลับกันทางด้านกลุ่มรถยนต์นั่งทั่วไป กลับทำได้ดีกว่า โดยสามารถลดไอเสียโดยเฉลี่ย เหลือเพียง 131 กรัม ต่อกิโลเมตร หรือ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 146 กรัม ต่อกิโลเมตร ประมาณ 14%
และในหลายปีที่ผ่านมา รถยนต์นั่งส่วนบุคคล สามารถลดไอเสียได้ตามเป้าหมาย อย่างต่อเนื่อง จาก 149 , 146 มาสู่ 131 กรัม ต่อกิโลเมตร
นาย โทนี่ เว็บเบอร์ หัวหน้าฝ่ายบริหารของ FCAI ระบุว่า ปัญหาสำคัญข้อหนึ่งคือ ตอนนี้ทั่วโลก มีปัญหาด้านการจัดหาวุตถุดิบอาทิ แบตเตอร์รี่ ทำให้ยังไม่สามารถสร้างรถที่มีไอเสียต่ำกว่านี้ได้ และ ทำให้การทำตามแผนยังไม่ไปเป็นตามเป้าหมาย
อย่างไรก็ดี ,โทนี่ ไม่ได้ ให้ความเห็น ถึงในเรื่อง สาเหตุที่ รถยนต์เชิงพาณิชย์ ยังค่อนข้างจะปล่อยไอเสียมาก โดยเฉพาะ ปล่อยไอเสียมากกว่ารถนั่งส่วนบุคคล ถึงเกือบเท่าตัว
ทั้งนี้ ข้อสังเกต จากสื่อออสเตรเลีย ชี้ว่ าประเด็น สำคัญอยู่ที่การใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่แรงบิดเยอะ ในบรรดารถกระบ และไม่มีเทคโนโลยีไฮบริด ใช้ในรถกระบะ สืบเนื่องจากความต้องการของลูกค้าทางด้านความทนทาน และการบำรุงรักษาง่าย ในระยะยาวของรถยนต์กลุ่มนี้