แม้ตลาดรถยนต์ในภาพรวมทั่วโลกจะยังไม่กระเตื้อง แต่ Lamborghini กลับยังคงสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ของพวกเขาได้ดีอย่างต่อเนื่อง จนสามารถทุกสถิติยอดขายรายปีได้อีกครั้ง ในปี 2024 ที่ผ่านมา

จากการรายงานผลประกอบการของ Lamborghini ในปี 2024 ที่ผ่านมา เปิดเผยว่าพวกเขาสามารถทำยอดขายรถยนต์ทั่วโลกไปได้กว่า 10,687 คัน ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นกว่าปี 2023 ขึ้นมาอีก ราว 6% ด้วยกัน ซึ่งแม้ว่ามันอาจจะไม่เยอะมากนัก แต่เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในปีก่อนที่ว่านั้น คือตัวเลขที่เป็นสถิติยอดขายตลอดการของทางค่าย จึงทำให้ตัวเลขยอดขายของปีล่าสุด ได้กลายเป็นตัวเลขสถิติยอดขายสูงสุดตลอดกาลชุดใหม่ไปโดยปริยายเช่นกัน

โดยหากเจาะลึกไปที่การขยายตัวของกลุ่มลูกค้าในแต่ละประเทศ เราจะพบว่าทาง Lamborghini ยังคงแข็งแกร่งในตลาด EMEA (Europe, Middle East, และ Africa) ซึ่งเป็นตลาดหลักของแบรนด์มาอย่างยาวนานดังเดิม ด้วยยอดขายทั้งหมด 4,227 คัน ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นราว 6%

ส่วนตลาดรองลงมา อย่างตลาดในทวีปอเมริกาทั้งหมด ก็มีการขายรถยนต์ของแบรนด์เกิดขึ้นกว่า 3,712 คัน ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นราว 7% ตามด้วยเหล่าลูกค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคเอง ก็มียอดขายเกิดขึ้นทั้งหมด 2,748 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตที่มากกว่าเดิม 3% ด้วยกัน

และแแม้ทางค่ายจะไม่ได้มีการไล่เรียงว่า รถยนต์แต่ละโมเดลของพวกเขาสามารถขายได้ หรือมีสัดส่วนเป็นเท่าใดบ้างของยอดขายที่เกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราคงไม่ต้องเดากันยากนัก ก็คือท้ายที่สุดแล้ว รถยนต์ที่เป็นโมเดลขายดีที่สุดของแบรนด์ ย่อมหนีไม่พ้น Lamborghini Urus ที่พึ่งมีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปไม่นาน แถมยังมีการเพิ่มรุ่น PHEV เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่ต้องการความแรง แต่ยังคงรักษ์โลก และดูทันสมัยไปในตัวด้วย

และแม้ในปี 2024 ที่ผ่านมา จะเป็นที่รถซุปเปอร์คาร์รุ่นรองอย่าง Huracan จะสามารถทำยอดขายได้ไม่ดีนัก เนื่องจากในปี 2025 นี้ จะเป็นปีสุดท้ายที่มันจะยังคงถูกทำตลาดอยู่ (ตัวรถจริงๆถูกจับจองหมดแล้วตั้งแต่ปี 2023 เหลือแค่การส่งมอบรุ่น Sterrato, EVO Spyder, Tecnica, STO, และ STJ ให้หมดภายในปีนี้) แต่มันก็ได้บรรลุเป้าหมายในการเป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ไปนานแล้วตั้งแต่ปี 2022

เมื่อประกอบกับการที่ลูกค้าหลายคน อาจตัดสินใจเปลี่ยนมาจองรุ่นน้องของ Huracan อย่าง Temerario มากกว่า จึงทำให้พวกเขามองว่ายอดขายของ Huracan ในปีที่ผ่านมา ถือว่าน่าประทับใจมากพอแล้วก่อนปิดสายการผลิตในปีนี้

นอกจากนี้ ในฝั่งพี่ใหญ่อย่าง Lamborghini Revuelto ยังสามารถทำยอดขายเติบโตได้ดีพอสมควรเช่นกันในปี 2024 ที่ผ่านมา จนทำให้ตอนนี้ระยะเวลาในการผลิต ประกอบ และส่งมอบให้กับลูกค้า ต้องรอคิวกันจนถึงปลายปี 2026 เข้าไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่ดีเลยทีเดียวสำหรับตัวรถซุปเปอร์คาร์ไฮบริดคันแรกของแบรนด์รุ่นนี้

ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ของ Lamborghini มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งก็อาจมาจากการที่รถยนต์แต่ละโมเดลของพวกเขา อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ทั้งหมด จึงทำให้ในฝั่งรถที่เป็นโมเดลเตรียมตกรุ่น จะมีร่างพิเศษ หรือตกแต่งพิเศษออกมาให้ลูกค้ามือหนัก นักสะสมได้ซื้อเก็บกันมากมาย

ในขณะเดียวกัน ตัวรถที่ถูกเปิดตัวมาทำตลาดแทนที่เอง ก็มักถูกจับจองโดยเร็ว และทางค่ายก็ต้องเร่งผลิตรถให้ทันกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เช่นกัน

ส่วนในปี 2025 นี้ เราก็คงมีแต่จะต้องรอดุกันต่อไปว่า แล้วทางค่ายยังมีไม้เด็ดอะไรมาเสริม หรือกระตุ้นตลาดได้อีกบ้าง แต่เชื่อว่าด้วยชื่อชั้นของ Lamborghini และจากไลน์อัพรถที่มีในตอนนี้ ก็มีแนวโน้มสูงมากว่าพวกเขายังมีไม้เด็ดซ่อนไว้และรอเผยโฉมให้เราได้ตื่นเต้นกันอีกเพียบแน่นอน