ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา Nissan Titan รับบทบาทเป็นกระบะไซส์ไจแอนท์รับใช้ชาวสหรัฐฯมานานจนตอนนี้ทำตลาดมาถึง 2 เจเนอเรชัน
ตลอดช่วงการจำหน่ายเคยทำยอดขายสูงสุด 86,945 คันเมื่อปี 2005 หลังจากนั้นยอดขายมีทั้งทรงและทรุดสลับกันไปพอมาถึงเจนที่ 2 ในปี 2015 และสองปีให้หลังทำยอดขายสูงสุด 52,924 คัน ก็ทรงและทรุดสลับกันไปและด้วยคู่แข่งรายล้อมเยอะมากด้วยความใหม่และสดอาจทำให้ Nissan Titan ทำยอดขายไม่ถึงฝั่งฝัน โดยยอดขาย 6 เดือนแรกของปี 2023 ทำยอดขายเพียง 10,500 คัน ลดลง 5.9% เทียบกับช่วงปีกลายทำได้ 15,063 คัน ตามหลังคู่แข่งระดับบิ๊กๆทั้งรุ่น Tundra ที่ขายได้เกือบ 50,000 คัน และตามหลัง Ford F-Series ซึ่งขายไป 382,893 คัน
และจากข่าวลือสนั่นค่ายเพื่อนที่แสนดีว่าเตรียมที่จะหยุดผลิตและจำหน่ายเจ้ากระบะยักษ์นั้น ลือหึ่งกันหลายรอบว่าจะจริงเท็จขนาดไหนล่าสุดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมาจากข่าวรั่วไหลออกมาเป็นเอกสารบันทึกภายในของค่าย ว่าทาง Nissan จะยุติการผลิต Nissan Titan ในช่วงฤดูร้อนปี 2024 (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) ที่โรงงานในเมือง Canton รัฐ Mississippi และหลังจากนั้นจะปรับไลน์การผลิตมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อีก 2 รุ่น ภายใต้วิสัยทัศน์ Ambition 2030 ของ Nissan จากทั้งหมด 19 รุ่นภายในปีงบประมาณ 2030 ส่วนเรื่องการลดจำนวนพนักงานลงยืนยันว่าไม่การลดจำนวนอย่างแน่นอน
โดย Nissan Titan และ Nissan Titan XD รุ่นปรับออปชันในปี 2024 ล่าสุดอาจจะเป็นรุ่นสุดท้ายด้วยการยกเลิกรุ่นเริ่มต้นรุ่น S ออกไปจะเหลือแค่รุ่น SV, PRO-4X, Platinum Reserve จำหน่าย หน้าตาคล้ายๆกับรุ่นที่ปรับโฉมไปแล้วเมื่อปี 2020 พร้อมแนะนำรุ่นพิเศษ SV Bronze Editon
กับขุมพลังใหญ่เบนซิน 5.6 ลิตร V8 รหัส VK56VD 406 แรงม้าแรงบิด 560 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ของทาง Jatco เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนสองล้อและขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายไฟฟ้าจำหน่ายทั้งแบบตอนครึ่ง King Cab และสี่ประตู Double Cab เริ่มต้นที่ $45,770 -$62,750 หรือราว 1,589,000-2,179,000 บาท และ Titan XD เริ่มต้น $51,930- $65,840 หรือราว 1,805,000-2,289,000 บาท