ผ่านเวลาไปเพียง 2 ปีนิดๆเท่านั้น ล่าสุด Lotus Emira กลับได้รับการปรับสเป็คใหม่อีกครั้งสำหรับโมเดลปี 2025 พร้อมรหัสห้อยท้ายว่า SE
2025 Lotus Emira SE อาจไม่ใช่ตัวแทนของไลน์อัพ Lotus Emira ที่วางจำหน่ายอยู่แล้วในตอนนี้อย่างตััว Turbo และ V6 เพราะในความเป็นจริง มันเปรียบเสมือนกับรุ่นย่อยใหม่ที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตระกูลให้เหนือขึ้นมาอีกขั้น
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญของมัน ก็คือการที่แม้มันจะยังคงใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร จาก AMG ดังเดิม แต่ในคราวนี้ มันก็ได้รับการปรับจูนใหม่ จนมีพละกำลังสูงสุดมากขึ้น จาก 365 PS เป็น 406 PS ซึ่งเทียบเท่ากับรุ่น V6 แต่แรงบิดสูงสุดที่ได้ ก็ขยับสูงขึ้นจาก 430 นิวตันเมตร เป็น 480 นิวตันเมตร เช่นกัน
และเนื่องจากตัวรถ จะมาพร้อมกับทางเลือกระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 สปีด เท่านั้น ต่างจากรุ่น V6 ซึ่งมีทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด จึงทำให้เจ้า Turbo SE ที่มีทั้งแรงบิดมากกว่า ระบบเกียร์ที่สามารถเปลี่ยนได้ไวกว่า สามารถเรียกอัตราเร่งได้ดีกว่าเดิม คือมีตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 4.0 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 290 กิโลเมตร/ชั่วโมง เทียบเท่ากับรุ่น V6
ไม่ใช่แค่การปรับปรุงเรื่องเครื่องยนต์ อีกสิ่งที่ถูกปรับเปลี่ยนเช่นกันก็คือเรื่องของช่วงล่าง ซึ่งมาพร้อมกับการเซ็ทอัพใหม่ ให้มีความสปอร์ต เฉียบคมมากขึ้น, ปรับเปลี่ยนจานเบรกใหม่ ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม, และปรับปรุงระบบ Launch Control ใหม่ ให้เหมาะกับพละกำลังที่มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนลวดลายล้ออัลลอยด์ติดรถใหม่, เปลี่ยนผ้าหุ้มหลังคาเป็นแบบอัลคันทาร่า, เปลี่ยนสีคาลิปเปอร์เบรกเป็นสีแดง, เพิ่มเพลท “Emira Turbo SE” เข้าไป, ปรับโลโก้แบรนด์เป็นสีดำ เช่นเดียวกับปลายท่อ
ท้ายสุด ทาง Lotus ระบุว่า ชื่อ “SE” ที่ห้อยท้ายมานั้น ย่อมาจากคำว่า “Special Equipment” ซึ่งครั้งหนึ่งก็เคยเป็นรหัสที่ใช้กับรถสปอร์ตในอดีตของแบรนด์มาแล้วหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Type 14 Elite, Type 26 Elan, Elan SE Turbo, Lotus Cortina, และ Elan S3.
โดยตัวรถ Lotus Emira SE จะถูกส่งไปวางจำหน่ายในหลายๆประเทศทั่วโลก ทั้ง ในโซนทวีปแอฟริกา, ตะวันออกกลาง, และเอเชียแปซิฟิค ซึ่งจะรวมถึงไทยเราด้วยหรือไม่ ? ยังต้องรอติดตามกันต่อไป