หลังการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุด All-New Honda Accord รุ่นที่ 11 ก็ได้ถูกนำมาวิ่งทดสอบในบ้านเรา ณ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ให้ชาวไทยได้ตั้งตารอกันแล้วในตอนนี้
โดยหากอิงตามข้อมูลของรถที่เปิดตัวในประเทศสหรัฐอเมริกาไปก่อนหน้านี้ Honda Accord 2023 (G11) จะมาพร้อมกับงานออกแบบภายนอกใหม่หมดทั้งคัน ที่หากเทียบกับรุ่นพี่ของมัน รุ่น G10 แล้ว ทุกท่านจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า รุ่นน้องคันนี้ มีเส้นสายและงานดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย และสะอาดสะอ้านขึ้นมาก ตั้งแต่หัวจรดท้าย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการออกแบบที่ทางค่ายพยายามใช้กับรถยนต์ยุคใหม่ของพวกเขานับที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา
นอกจากนี้ หากมองไปที่เลขมิติตัวรถ ที่ 4,971 มิลลิเมตร ในด้านยาว, 1,862 มิลลิเมตร ในด้านกว้าง, และ 1,450 มิลลิเมตร กับระยะฐานล้ออีก 2,830 มิลลิเมตร ก็จะเท่ากับว่าเจ้า Accord รุ่นใหม่ ก็ไม่ได้มีขนาดตัวที่หนีไปจากรุ่นพี่เท่าไหร่นัก เว้นเพียงความยาวตัวรถ ที่มากกว่าเดิมถึง 69 มิลลิเมตร ซึ่งทั้งนี้ก็คาดว่าเพื่อเพิ่มความกว้างภายในห้องโดยสารให้มากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของพื้นที่วางขา
ฝั่งงานออกแบบภายใน กลับกลายเป็นว่างานออกแบบแผงคอนโซลด้านหน้าของมัน ใช้งานดีไซน์เดียวกันกับ Honda Civic รุ่นล่าสุดเป๊ะๆ ตั้งแต่กรอบช่องแอร์, พวงมาลัย, ชุดหน้าจอแสดงผลแบบ Full-Digital ขนาด 10.2 นิ้ว, และจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ ขนาด 7 นิ้วในรุ่นล่าง กับ 12.3 นิ้ว ในรุ่นบน รองรับการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่านทั้งระบบ Android Auto และ Apple CarPlay
นอกจากนี้ ในส่วนการใช้วัสดุหนังหุ้มชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารต่างๆ ยังถูกปรับใหม่ให้มีทั้งดูดี พรีเมียมมากยิ่งขึ้น ตัวเบาะนั่งฝั่งผู้ขับก็มาพร้อมกับฟังก์ชันในการปรับตำแหน่งได้มากถึง 8 ทิศทาง ขณะที่ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง โดยที่ตัวเบาะทั้งสองจะมีระบบฮีทเตอร์มาให้ เช่นเดียวกับเบาะแถวหลัง, มีระบบแอร์แบบแยกฝั่งซ้าย-ขวา, หลังคามูนรูฟ, แท่น Wireless Charge, ลำโพง 12 ตำแหน่งจาก Bose, และจากตัวถังที่ยาวขึ้น จึงทำให้ผู้โดยสารตอนหลัง มีพื้นที่วางขา (Legs Room) เพิ่มขึ้นอีก 10 มิลลิเมตร โดยพื้นที่เก็บสัมภาระทางด้านหลังก็ยังคงเยอะสุดในคลาสตามเดิม ด้วยตัวเลข 473 ลิตร
ขุมกำลังของรถ Accord G11 ที่เปิดตัวในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีทางเลือกอยู่ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร VTEC พ่วงเทอร์โบ ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งในส่วนฝาสูบ, ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection, เพลาข้อเหวี่ยงใหม่ที่แข็งแรงขึ้น, ปรับปรุงอ่างน้ำมันเครื่องใหม่ เพื่อลดเสียงเครื่องยนต์ และใส่แคทตาไลติกแบบ Cold-Active จนทำให้เครื่องยนต์ลูกนี้ สามารถปั่นแรงม้าสูงสุดได้ 195 PS และแรงบิดสูงสุดอีก 260 นิวตันเมตร
ด้านขุมกำลังอีกลูกหนึ่ง คือเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร VTEC พ่วงระบบ Hybrid ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ทำให้มีแรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 335 นิวตันเมตร กับแต่เลขแรงม้าสูงสุดกลับลดลงเล็กน้อย จาก 215 PS เหลือ 207 PS ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าเครื่องยนต์ลูกหลังนี้ จะเป็นเพียงตัวเลือกเดียวที่ถูกตัดมาทำตลาดในประเทศไทยของเรา
ในฝั่งชิ้นส่วนโครงสร้างตัวถังและระบบช่วงล่าง ทาง Honda ก็ยังคงไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดในจุดนี้มากนัก นอกจากการระบุว่ามันถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มที่ถูกปรับปรุงใหม่ ซึ่งทำให้ตัวถังรถมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น, ระบบกันสะเทือนก็ได้รับการปรับเซ็ทใหม่ ทั้งในส่วนของตัวปีกนก และการใช้กลไกแบบบอลจอยท์ทางด้านหน้า เพื่อการควบคุมหน้ารถที่เฉียบคมยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบอิสระที่ถูกปรับจูนใหม่ให้เข้ากับทางด้านหน้า
ชณะที่ระบบความปลอดภัยอื่นๆ ที่ถูกใส่เข้ามาให้ หลักๆแล้วก็จะประกอบไปด้วยชุดถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมหัวเข่า, ม่านถุงลม, ระบบ Honda Sensing ใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ ช่วยให้มันสามารถตรวจจับวัตถุในมุมอับได้ไหลขึ้นที่ 25 เมตร, ระบบ Adaptive Cruise Control และ Lane Keeping Assist ก็ถูกปรับปรุงใหม่ ให้สามารถทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น, และเพิ่มระบบใหม่ล่าสุดคือ ระบบ Traffic Jam Assist ที่จะช่วยให้ผู้ขับสามารถประคองรถในช่วงความเร็วต่ำขณะรถติดได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้น ดูเหมือนว่าตัวรถ All-New Honda Accord G11 ที่ทุกท่านเห็นกันอยู่ในขณะนี้ จะพึ่งถูกนำออกมาวิ่งทดสอบให้ชาวกรุงฯได้เห็นกันจะๆตาเพียงไม่นาน จึงทำให้แม้มันอาจดูเหมือนเป็นการทดสอบขั้นสุดท้าย แต่คาดว่าการเก็บข้อมูลของตัวรถเมื่อถูกนำมาวิ่งในไทยด้วยโจทย์การใช้งานจริงๆ ยังต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลอีกสักพัก ก่อนที่จะเปิดตัวจริงในช่วงต้นปีหน้า โดยอย่างช้าที่สุด คืออาจเกิดขึ้นในงาน Motor Show 2023 นั่นเอง