ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าในช่วงขวบปีที่ผ่านมา เราได้เห็นภาพของ Akio Toyoda ต้องออกมาขอโทษแทน Toyota ต่อหน้าสื่ออยู่หลายครั้ง จากความผิดพลาด และเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับแบรนด์
เมื่อประกอบกับความเป็นมนุษย์ผู้คลั่งไคล้ในขุมกำลังสันดาปภายใน ที่หลายครั้งก็ดูจะมากเกินไป ทั้งจากการนำเสนอแนวคิดผ่านสื่อ การมุ่งสนับสนุนแต่เทคโนโลยีไฮบริดเป็นหลัก จนใครหลายคนต่างมองว่าเจ้าตัวควรให้ความสำคัญกับการพัฒนา หรือนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์พลังงานไฟฟ้า ตามกระแสตลาดโลกมากกว่านี้
ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้น ซึ่งว่าด้วยเรื่องของการบิดเบือนข้อมูล และดัดแปลงสภาพตัวรถที่ใช้ในการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยและมลพิษ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วล้วนเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่นาย Akio Toyoda ยังคงเป็น ประธานบริหารบริษัท (CEO) ก่อนที่จะสละตำแหน่ง และขึ้นมาเป็นประธานบอร์ดการบริหาร (Chairman)
จึงทำให้ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก ที่ในสายตาของนักลงทุนจะเริ่มไม่ไว้วางใจให้นาย Akio Toyoda ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารของแบรนด์ Toyota ต่อ
ถึงกระนั้น แม้นโยบายการผลักดันรถยนต์ไฮบริด จะเป็นสิ่งที่ดูสวนกระแสตลาดในช่วงขวบปีที่ผ่านมา และยังขัดตาเหล่านักลงทุน ทว่ามันกลับเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ทำให้ Toyota สามารถกอบโกยกำไรได้อย่างมหาศาล หรือว่าง่ายๆคือมันกลายเป็นสินค้าขายดีในตลาด ที่เมื่อสรุปยอดออกมาแล้ว กลับดูเหมือนผู้ใช้รถจะหันมาให้ความสนใจในรถยนต์กลุ่มนี้มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเสียอย่างนั้น และยังมีแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกพักใหญ่
ไม่เพียงเท่านั้น แม้เหตุการณ์อื้อฉาวที่เกิดขึ้น จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลงในทันทีราว 10% แต่เมื่อสรุปราคาหุ้นทั้งปี กลายเป็นว่ามันยังคงสูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ 18% ด้วยกัน
นั่นจึงส่งผลให้ยังมีเหล่าผู้ถือหุ้นอีกหลายราย ที่ยังคงไว้ใจและโหวตเลือกให้นาย Akio Toyoda และทีมบอร์ดบริหารอีก 9 ราย ได้ดำรงตำแหน่งเดิมต่อไปอีก 1 ปี แม้ตอนนี้ผู้ถือหุ้นจะยังคงกังวลในเรื่องความอิสระ และอัตราส่วนผลตอบแทน ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรายอื่นๆก็ตาม
ทั้งนี้การประกาศข้อมูลถึงผลการโหวตเลือกนาย Akio Toyoda และเหล่าทีมบอร์ดบริหารให้ดำรงตำแหน่งเดิมต่อไป จะมีการชี้แจงข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง โปรดรอติดตามข้อมูลกันต่อไป