บริษัท Mitsubishi Motors (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านการลงทุนและการเติบโตในประเทศไทย โดยเพิ่มการลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับ All-New Mitsubishi Triton หรือ L200 ที่โรงงานแหลมฉบังเพื่อรองรับการส่งออกไปทั่วโลก
มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท Mitsubishi Motors(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ในฐานะผู้นำด้านการผลิตและส่งออกรถยนต์ของประเทศไทย Mitsubishi Motors รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนให้ประเทศไทยเติบโตขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์แห่งภูมิภาคมาอย่างยาวนาน
เรามองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ จึงดำเนินการผลิตรถยนต์รุ่นสำคัญๆ ของ Mitsubishi Motors ที่นี่ เพื่อจำหน่ายส่งออกไปยังนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทุ่มงบลงทุนในหลากหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยี
โดยหนึ่งในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดนั่นก็คือการทุ่มงบประมาณ 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป็นโรงงานพ่นสีที่มีคุณภาพสูง โดยผสานการทำงานที่แม่นยำของเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์อัตโนมัติเข้ากับความพิถีพิถันของบุคลากรที่บรรจงสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยความประณีต
ทั้งยังมีระบบการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ Mitsubishi Motors ประเทศไทย ยังได้ส่งเสริมการผลิตรถยนต์ด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้ระบบไฟฟ้าจากโซล่าร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังผลิตไฟฟ้าที่ 7 เมกะวัตต์ และมีแผนที่จะลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง”
การเปิดตัว “All-New Triton” ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสายการผลิตรถกระบะอย่างเป็นรูปธรรมไปอีกขั้น โดย Mitsubishi Motors ประเทศไทย ได้ยกระดับสายการผลิตใหม่ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการเชื่อมประกอบตัวถังรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมและมีความแม่นยำสูง ทำให้มีสัดส่วนกระบวนการอัตโนมัติถึงร้อยละ 95 โดยมีกำลังผลิตราว 200,000 คันต่อปี
“สายการผลิตอัตโนมัติที่ใช้หุ่นยนต์นี้ มีมาตรฐานสูงเทียบเท่าโรงงานของ Mitsubishi Motors ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหัวใจแห่งยุทธศาสตร์สู่การเติบโต ด้วยการลงทุนที่ล้ำสมัย โดยในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุน การผลิต การส่งออก และส่งต่อความรู้และเทคโนโลยี โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญ” มร. โคอิโตะ กล่าวเสริม
Mitsubishi Motors ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตแบบอัตโนมัติสำหรับ All-New Triton ด้วยมุ่งหวังที่จะส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงเข้ามาทำหน้าที่ที่หลากหลาย
อาทิ หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่สามารถยกวัตถุที่มีน้ำหนักมากได้ถึง 900 กิโลกรัม หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายชิ้นงาน แขนกลที่มีความยืดหยุ่นซึ่งสามารถหยิบจับชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว หุ่นยนต์พร้อมระบบตรวจสอบหัวเชื่อมอัตโนมัติ กล้องตรวจคุณภาพแนวซีลตะเข็บรถยนต์แบบอัตโนมัติ อุปกรณ์ขันยึดแบบไฟฟ้าที่มีความแม่นยำสูง และระบบบันทึกข้อมูลการตรวจสอบแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการใช้กระดาษ
มร. เออิจิ โอกาวะ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานผลิต บริษัท Mitsubishi Motors (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ระบบควบคุมอัตโนมัติรุ่นใหม่ทั้งหมดถูกนำมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัยให้กับพนักงานของเรา พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านการควบคุมคุณภาพ เพิ่มประสิทธิภาพในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการผลิตออล-นิว ไทรทัน
เรารู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่รถระดับโลกอย่าง All-New Triton มีต้นกำเนิดจากโรงงานแหลมฉบังของเราแห่งนี้ และตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับเสียงตอบรับจากลูกค้า เราหวังว่าเทคโนโลยีการผลิตใหม่ล่าสุดของเรานี้จะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรามากยิ่งขึ้น”
All-New Triton ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้ดีเอ็นเอของ Mitsubishi Motors (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อเติมเต็มและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนไปข้างหน้า ด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย พร้อมมอบความปลอดภัยและอุ่นใจได้ในทุกเส้นทาง ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นจากเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ความสงบเงียบและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
“ด้วยเครื่องยนต์ไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power) รุ่นใหม่ เมกาเฟรมหรือโครงรถใหม่ ช่วงล่างใหม่ ที่มาพร้อมความสะดวกสบายสูงสุดของห้องโดยสารทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ทำให้ All-New Triton กลายเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของ Mitsubishi Motors ในการสร้างสรรค์รถกระบะที่ดีที่สุดในคลาส
เพื่อให้ All-New Triton เติมเต็มความสนุกในการใช้ชีวิตและมอบอรรถประโยชน์ให้กับลูกค้าทั่วโลก ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถกระบะในการประกอบอาชีพและใช้งานส่วนตัว
เราภูมิใจที่จะได้นำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่น่าพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้งานรถกระบะในรูปแบบที่หลากหลาย ในวันข้างหน้า เราจะยังคงมุ่งมั่นสร้างความเติบโตโดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความสำเร็จและคุณค่าให้กับลูกค้าทั่วโลก” มร. โคอิโตะ กล่าวปิดท้าย