ขณะที่ใครหลายคนสนับสนุนนโยบายการ “แบนยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน” ของสหภาพยุโรป ว่าควรทำให้มันมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด แต่ล่าสุดทาง BMW กลับแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับมาตราการดังกล่าวเท่าไหร่นัก และมองว่ามันเป็นข้อบังคับที่ไม่เหมาะกับโลกความเป็นจริง
จากการให้ข้อมูลในงาน Paris Auto Show 2024 ครั้งล่าสุด Oliver Zipse ประธานบริหารของ BMW ระบุว่า สหภาพยุโรป จำเป็นจะต้องมีการปรับแผนข้อกฏหมายใหม่ เกี่ยวกับเรื่องมาตราการแบนยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน
โดยเจ้าตัวมองว่ามันเป็นการจำกัดด้านเทคโนโลยีที่ผู้ผลิตหลายแบรนด์ยังคงเชี่ยวชาญ และยังคงสามารถพัฒนาต่อยอดขุมกำลังสันดาปภายในให้ดีขึ้นได้อีก โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ หรือใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูง
และยังเป็นการลดความต้องการในการนำเข้าชิ้นส่วนแบตเตอรี่จากประเทศจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดดุลทางการค้าระหว่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากยังคงมีการบังคับใช้ข้อกฏหมายดังกล่าว ก็จะยิ่งทำให้ผู้ผลิตยิ่งต้องนำเข้าชิ้นส่วนดังกล่าวมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
“การแก้ข้อบังคับให้ประชาชนต้องใช้แค่ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า 100% ในปี 2025 (ให้ทุกคนยังสามารถใช้ยานพาหนะสันดาปภายในได้อยู่) เพื่อเป็นลดการปล่อยมลพิษ CO2 ได้อย่างครอบคลุม และช่วยให้หลายผู้ผลิตไม่ต้องพึ่งพาแบตเตอรี่จากจีนมากเกินไป” Zipse กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ AUto News “เพื่อเป็นการรักษาแนวทางความสำเร็จ, ข้อกำหนดด้านทิศทางเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการทำงานเองก็สำคัญ”
นอกจากนี้ Zipse ยังให้ความเห็นถึงการบีบและแบรนขุมกำลังเบนซินกับดีเซลในยานพาหนะของสหภาพยุโรป กับสื่อฯอีกเจ้าอย่าง Bloomberg ในงานเดียวกันอีกว่า นโยบายดังกล่าว “ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้จริงอีกต่อไป” และมองว่าการออกนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันเอง ก็ “ไม่ยั่งยืน” เช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เจ้าตัวจะเคยประกาศว่าบริษัทพร้อมเสมอสำหรับการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ไปพร้อมกับการแย้งว่าแต่มันอาจเป็นทางเลือกที่ไม่ได้ฉลาดที่สุดเท่าไหร่นัก ก็ตาม
ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ BMW เท่านั้น ที่มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการประกาศแบนการใช้ยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายใน ของสหภาพยุโรป เพราะก่อนหน้านี้ยังมี Porsche อีกรายที่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว โดยมองว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในยังสามารถพัฒนาให้มีการปลดปล่อยมลพิษต่ำ หรือปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ได้
และมองว่าเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าก็อาจจะยังไม่เหมาะกับทุกคนในเร็ววัน รวมถึงยังอ่านขาดด้วยว่ามาตราการแบนนี้ ควรต้องถูกพิจารณาใหม่ และจะต้องถูกเลื่อนออกไปจากกันหนดเดิมแน่นอน ซึ่งก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นกันจริง
ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตเท่านั้น แต่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปหลายแบรนด์ อย่างเยอรมัน และอิตาลี ก็มีการแสดงความเห็นว่าพวกเขาไม่สนับสนุนการแบนยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายในเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งอาจเพราะพวกเขายังคงต้องการสนับสนุนเหล่าผู้ผลิตในประเทศตนเอง และมีข้อมูลจากผู้ผลิตในเรื่องของการพัฒนาขุมกำลังสันดาปภายใน ให้ยังคงสามารถไปต่อได้ในยุคที่หลายคนเข้มงวดเรื่องการปล่อยมลพิษด้วย
โดยกำหนดการพิจารณามาตราการแบนยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายในครั้งใหม่ คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2026 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเราต้องรอติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะเราก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าข้อกำหนดของสหภาพยุโรปนี้ มีการส่งผลกระทบถึงตลาดรถยนต์ในประเทศอื่นๆด้วยเช่นกันอยู่ไม่มากก็น้อย