นอกจากยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ทาง BMW เอง ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตที่มองว่ายานพาหนะพลังงานสะอาดในอนาคต ไม่จำเป็นต้องพึ่งแต่ขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน 100% เท่านั้นเสมอไป
นั่นจึงทำให้ล่าสุด ทาง BMW ได้ตัดสินใจ ที่จะนำ “น้ำมันดีเซล ที่สังเคราะห์ได้จากพืช 100%” มาใช้ในการเติมเป็นแหล่งพลังงานขั้นต้น ให้กับเหล่ารถยนต์ขุมกำลังดีเซลที่พึ่งออกจากไลน์ผลิตและเตรียมส่งออกจากโรงงานไปให้กับลูกค้าในการถัดไปทุกคัน ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป เพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยมลพิษตั้งแต่ภายในโรงงานจนถึงมือของลูกค้า
โดยสิ่งที่น่าสนใจของ “น้ำมันดีเซล ที่สังเคราะห์ได้จากพืช 100%” หรือจะเรียกว่า “ไบโอดีเซล” อีกกลุ่มหนึ่ง ตัวนี้ ที่ทาง BMW นำมาใช้งานกับรถยนต์ดีเซลสดใหม่จากเตาของโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Munich, Dingolfing, Regensburg, และ Leipzig คือการที่มันเป็นน้ำมันดีเซลที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “HVO100” ผลิตโดยบริษัท Neste สัญชาติเบลเยียม
ซึ่งมันคือน้ำมันที่ถูกสังเคราะห์ หรือผลิตขึ้นจาก น้ำมันพืช ที่ถูกนำมาแยกสิ่งสกปรกออกก่อน แล้วจึงนำไปแยกพันธะไฮโดรเจนที่ไม่จำเป็นออกไปจากตัวน้ำมันด้วยปฏิกิริยาเคมี จนเกิดเป็นสารไฮโดรคาร์บอนรูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือน้ำมันไบโอดีเซลที่สามารถนำไปใช้งานกับรถยนต์ได้ 100% แถมยังสามารถลดการปล่อยมลพิษลงได้มากถึง 90% เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลทั่วไปที่ถูกผลิตขึ้นมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
นอกจากนี้ ทาง BMW ยังระบุอีกว่า ด้วยความหวังที่จะสร้างน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ ที่มีการปล่อยมลพิษน้อย หรือปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ เพื่อใช้กับผลิตภัณฑ์รถยนต์โมเดลใหม่ๆในอนาคต ทำให้ตอนนี้ทางแบรนด์ได้ตัดสินใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเหล่าพันธมิตร “eFuel Alliance” ด้วย
โดยกลุ่มพันธมิตรที่ว่านี้ คือกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 170 แบรนด์ทั่วโลก ที่มองเห็นความเป็นได้ว่า “น้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ มลพิษต่ำ หรือมลพิษเป็นศูนย์” จะสามารถเป็นอีกเชื้อเพลิง หรือแหล่งพลังงานทางเลือกที่ดี และไสสะอาด สำหรับการใช้งานร่วมกับยานพาหนะขุมกำลังสันดาปภายในในอนาคต ให้มันยังสามารถถูกใช้งานต่อไปได้ท่ามกลางยุคที่ผู้คนทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม
ซึ่งในปัจจุบัน กลุ่มพันธมิตรดังกล่าว ก็มีผู้ผลิตเจ้าดังหลายแบรนด์ที่เข้าร่วมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Alpina, Horse, Suzuki, Bosch, Repsol, Siemens, Iveco, Mazda, Honeywell, และ Husqvarna ซึ่งแต่ละแบรนด์นั้นล้วนเป็นบริษัทชั้นนำในโลกอุตสากรรมยานยนต์กันแทบทั้งสิ้นนั่นเอง