ในยุคที่ค่าน้ำมัน มีแต่ทะยานสูงขึ้น เชื่อว่าหลายคน เริ่มจะอยากบ่ายหน้า หารถยนต์ไฟฟ้าสักคัน มาเป็นคู่ใจในการเดินทาง
หลายปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์สัญชาติจีน ออกมารุกไล่ตลาดกลุ่มนี้ และคิวล่าสุด เป็นของค่าย BYD ที่เข้ามาทำตลาด ผ่านกลุ่มของ เรเว่ ออโต้โมทีฟ เข้ามาจับใจคนไทย ที่มองหารถยนต์ไฟฟ้า จากแบรนด์จีน ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
BYD Atto 3 เป็นรถรุ่นแรกที่เข้ามาจำหน่ายในฐานะ รถยนต์อเนกประสงค์ไฟฟ้า ที่กรีฑาทัพ เข้าตลาดทั่วเอเชียโอเชเนีย ไม่ว่าจะใน ออสเตรเลีย ไทย และ แม้แต่ญี่ปุ่นเอง ก็เริ่มเข้าไปวางจำหน่าย นับเป็นความอาจหาญ เมื่อประกอบกับราคาเพียง 1,199,000 บาท เชื่อเลยว่า มีหลายคนสนใจมันไม่น้อย
การมาของ BYD Atto 3 ถือเป็นการเปิดฉากครั้งสำคัญของทาง BYD ในฐานะแบรนด์รถยนต์ที่เป็นผู้นำตลาดรถยนต์ New Energy Vehicle ในไทย ถ้า Tesla คือ สิงห์ ตะวันตก BYD ก็คือ สิงห์รถยนต์ไฟฟ้า ตะวันออก นั่นเอง
ตัวรถรุ่นนี้ ถูกสร้างออกมาในฐานะรถ Entry Compact Crossover มีความยาวตลอดคัน 4,455 มม. กว้าง 1,875 มม. สูง 1,615 มม. และ ระยะฐานล้อยาว 2,720 มม. โดยมีความสูงใต้ท้องรถ 175 มม. เท่านั้น
เรือนร่างถูกออกแบบให้มีความทันสมัย ตั้งแต่ด้านหน้าจรดบั้นท้าย ให้ความทันสมัยปราดเปรียว เริ่มจากกระจังหน้า โครเมียม มาพร้อมไฟหน้า LED ที่มีทรงโฉบเฉี่ยว ในโคมให้ไฟ Day Time Running light แม้จะดูเรียบๆ แต่มีค่าสัมประสิทธิ์ เสียดทานอากาศ 0.29 Cd ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระหว่างการขับขี่
ด้านข้างมอบล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Atlas Batman ขนาด 215/55/R18 เพิ่มความลงตัวมากขึ้นด้วยเส้นสายด้านข้างมีคมสันบ้างแต่พองาม กรอบช่วงเสา C ออกแบบมาเป็นลายคล้ายเกล็ดปลา ที่จริงแล้ว มันคือลายน้ำ สะท้อนภาพคันทันสมัย
ส่วนด้านบน พกสปอยเลอร์หลังมาด้วย พร้อมกรอบช่วยลดลมหมุนในระหว่างการขับขี่ แถมทีมออกแบบยังใส่ใจในเรื่องการใช้งาน ด้วยการติดตั้งพลาสติกสีดำที่ชายล่าง ช่วยลดความกังวลเรื่องหินดีดตัวถัง
ในห้องโดยสารก้าวขึ้นมาถึงกับต้องร้องว้าว นี่คือรถยนต์ไฟฟ้าที่มีห้องโดยสารที่แปลกตา สวยทันสมัย ไม่เหมือนใคร
ตัวรถจะต้อนรับคุณด้วย เบาะนั่งแบบ Gaming Seat พนักเบาะชุดนี้ออกแบบเป็นเบาะตอนเดียว ไม่สามารถเลื่อนหัวหมอนได้ ทำให้ท่านั่งจะถูกบังคับโดยปริยาย
ข่าวร้าย หัวหมอนตัวเบาะชุดนี้ค่อนข้าง จะดันกบาลสักหน่อย ทำให้คุณรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติบ้าง นั่งช่วงแรกๆตอนยังไม่ชิน จะรู้สึกว่ามันไม่สบายเอาเสียเลย กลายเป็นสัมผัสแรกที่ไม่ดีนัก แต่เมื่อนั่งนานๆหรือขับจนชิน เบาะนี้ก็พอถูไถไปได้อยู่บ้าง
ยังดีโครงสร้างเบาะ ทั้งพนักผิงหลังและที่รองนั่งค่อนข้างมีขนาดใหญ่ รับแผ่นหลังผมได้เต็มที่ ปีกเบาะออกแบบมาใหญ่พอตัว จนบังคับให้เราอยู่ในท่าที่ถูกต้องเวลา หวดเข้าโค้งด้วยความเร็ว
เบาะฝั่งคนนั่งตอนหน้า มีดีกว่ารถหลายรุ่นในตลาด เชื่อว่าสายครอบครัวลูกเล็กน่าจะถูกใจสิ่งนี้ เพราะตัวเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า มีที่ติดตั้งเบาะเด็ก (ISO FIX) มาให้ และยังสามารถปิด Airbag ฝั่งผู้โดยสารได้อีกด้วย ทำให้คุณสามารถติดตั้ง Car Seat ไว้ที่เบาะหน้าได้ เป็นสิ่งที่เหนือกว่ารถรุ่นอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน จนแม้แต่ผมยังอยากได้ไว้ใช้เอง
พูดถึงการโดยสาร พื้นที่นั่งตอนหลัง ก็จัดว่ามีพื้นที่มากพอสมควร ไม่แคบเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะมีที่นั่งโอ่อ่า กว้างขวางนั่งไขว่ห้างได้
ด้านหลังมีช่องแอร์ และช่องชาร์จมาให้ มีทีเท้าแขน และช่องวางแก้วน้ำมาให้สำหรับการเดินทางไกล ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรหวือหวามากมาย
กลับมาทางด้านหน้า ความโดดเด่นของ BYD Atto 3 คงหนีไม่พ้นคอนโซลหน้า ที่ออกแบบมาอย่างโดนใจ บางคนอาจมองว่า มันเหมือนกับท้องวาฬหลังค่อม แต่ที่จริงแล้ว ทาง BYD แจงเอาไว้ว่า งานออกแบบนี้ได้แรงบันดาลใจ มาจากสรีระของมนุษย์ ด้วยเส้นสายของเส้นมัดกล้ามเนื้อที่คอนโซลหน้า แม้แต่ก้านเปิดแผงประตู ยังออกแบบไว้ให้เป็นบาร์เบล หรือที่ยกน้ำหนัก ให้ความรู้สึกหนักแน่น (เฉพาะหน้าตา การเปิดประตูไม่ได้หนักแต่อย่างใด)
แต่ก็แฝงไปด้วยลูกเล่นสนุกสนาน อย่างสายอะคูเลเล่ 3 สาย มีมาให้ดีดเล่นแก้เซ็ง ยามรถติดที่ประตู ทั้ง 4 บาน และถ้าคุณไปลองเล่น แต่ละบาน จะมีเสียงที่ไม่เหมือนกัน จนคุณอาจจะตั้งวงดนตรี ย่อมๆในรถกับเพื่อนๆ ได้เลย
ไม่เพียงเท่านี้ งานออกแบบยังล้ำไปกว่านั้น ด้วยมือเปิดแบบบิดที่ลำโพง ที่ทำเอาหลายคนงง ว่าขึ้นรถแล้ว เราจะลงยังไงล่ะทีนี้ในตอนแรก
แต่ที่ผมชอบเป็นการส่วนตัว คือการฉีกบางกฏเกณฑ์ อย่างการเอา ช่องแอร์ มาไว้ทางด้านล่างเพื่อเปิดพื้นที่ให้จอขนาด 12.8 นิ้ว และจับเอาปุ่มต่างๆ ที่ต้องใช้งาน เช่นโหมดการขับขี่และอีกมากมายมาไว้ตรงกลาง
คันเกียร์ ถูกออกแบบเหมือนคันเร่งเครื่องบิน และยังใช้งานสะดวกไม่งง ด้วยปุ่มสตาร์ท และ ปุ่ม P เพื่อจอดรถ ช่วยอำนวยให้คนขับที่ผละมาจากรถสันดาป เข้าใจง่าย แม้จะขึ้นขับครั้งแรกก็ตามที
ตรงหน้าคนขับเป็นชุดจอขนาด 5 นิ้ว บอกทุกค่าที่คุณต้องรู้ระหว่างการขับขี่ แม้ว่าบางคนบอกว่าจอนี้เหมาะสม ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปแต่เอาเข้าจริง หลังจากขับมาหลายวัน ผมว่ามันค่อนข้างเล็ก และต้องเพ่งมองในบางอย่าง ที่จำเป็น ต้องรู้ การันตี ว่าคนแก่ไม่ถูกใจสิ่งนี้แน่อน (แม้แต่วัยรุ่นก็อาจจะด้วย)
ชุดจอนี้ออกแบบไม่ใหญ่มาก เนื่องจากถูกแปะไว้กับคอพวงมาลัย ทำให้มันขยับขึ้นลงตามได้ ไม่บดบังการมองเห็นแม้จะปรับพวงมาลัย ขึ้นหรือลงก็ตามที น่าเสียดายตัวจอ ไม่มีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษ หลักๆจะบอกความเร็ว ระยะทาง ทริป และ โหมดการขับขี่ ที่คุณใช้ในเวลานั้น
ทางด้านจอกลาง 12.8 นิ้ว ที่เราพูดไปก่อนหน้านี้ จะเป็นจอหลักที่คุณใช้ในรถคันนี้ โดยจอสามารถปรับได้ 2 ทิศทาง คือ แนวตั้ง หรือ แนวนอน ก็สุดแท้แล้วแต่ว่าคุณถนัดแบบไหน
ในจอ จะมีปุ่มปรับระบบปรับอากาศมาให้ รวมถึงยังใช้ในการตั้งค่ารถอื่นๆได้ด้วย เช่น ค่าพวงมาลัย แป้นเบรก และแน่นอนยังใช้สำหรับความบันเทิงภายในรถ
ด้วยจอขนาดใหญ่ ทำให้คุณสามารถใช้งานจอนี้ได้ง่าย และเท่าที่เล่น ความไวของจอค่อนข้างติดมือ ไม่หน่วง บวกกับ จอขนาดใหญ่ ทำให้คุณสามารถใช้งานได้สะดวก แม้ในยามขับรถ(แต่ก็อย่าทำบ่อย เพราะอันตราย) ตลอดจน อินเตอร์เฟส ระบบไม่ซับซ่อน เรียกว่ากดไปไม่เกิน 3 ระดับ ก็สามารถตั้งค่าได้ดั่งใจ
สิ่งเดียวที่น่าเสียดาย คือตอนนี้ ระบบจอยังรองรับ Apple Car Play เท่านั้น ใครเป็นสาวก Android คงต้องขอแสดงความเสียใจมา ณ โอกาสนี้
รวมถึง ในกรณีคุณใช้ Apple Car Play ระบบ ยังไม่สนับสนุนการหมุนจอแนวตั้ง ต้องใช้งานจอแบบแนวนอนเท่านั้น จึงยังอาจไม่สะดวกบ้าง ในการใช้งาน คาดว่าจะต้องรอ อัพเดท ระบบเป็นเวอร์ชั่นต่อไป จึงจะสมบูรณ์มากขึ้น
การวิศวกรรม และ การทดลองขับ
อะไร ทำให้คนสนใจรถยนต์ไฟฟ้า BYD Atto 3 คงต้องบอกว่า นั่นคงเป็นการออกแบบ และพัฒนาตัวรถ ออกมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่แรก ไม่เหมือนสูตรเก่าดั้งเดิม จับรถยนต์สันดาป แล้วมาต่อยอดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างในอดีต
พัฒนาการรถยนต์ไฟฟ้า ค่าย BYD ก็ใช่ธรรมดา ด้วยการพัฒนาโครงสร้างตัวถังอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเป็น e- Platform 3.0 ประจำการใน Atto 3 มีการออกแบบเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างเช่นจุดยึดของแบตเตอร์รี่ การบิดงอ โครงสร้างตัวถัง การลดเสียงรบกวน
ทั้งหมด จะสัมผัสได้ทันที ที่คุณขึ้นขับรถคันนี้ เทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นที่เราเคยขับ มันมีความคล่องตัวกว่าค่อนข้างมาก เห็นชัดเวลาเดินทางใช้ความเร็ว เมื่อคุณจะต้องเปลี่ยนเลน การเอี้ยวตัวถ่ายน้ำหนัก จะรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติมากกว่าอย่างชัดเจนให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถอเนกประสงค์เครื่องสันดาป
หากเปรียบเทียบกับ รถไซส์เดียวกัน BYD Atto 3 จะหนักกว่าเพียง 200-300 กก. โดยประมาณ นั่นยังไม่ทำให้คุณรู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก เมื่อขับขี่
พละกำลัง
เมื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อนรถคันนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า วางไว้ทางด้านหน้า มีกำลังขับสุงสุด 200 แรงม้า และ ทำแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ตามการเคลมของทาง BYD มันจะทำอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม.ได้ ราวๆ 7.3 วินาที (จากการทดสอบของบริษัท)
ในความจริง จากการทดสอบ นั่งโดยสาร 2 คน ขับในโหมด Normal เราได้ตัวเลขอัตราเร่ง อยู่ที่ 9.5 วินาที โดยเฉลี่ย แม้ว่ามันอาจจะไม่ไวนัก อย่างที่หลายคนหวัง ว่ามันจะต้องปรู๊ดปร๊าด หากก็เร็วพอสำหรับคำว่า “รถครอบครัว”
ถ้าเรานำตัวเลข อย่าง Mazda CX-30 และ Subaru XV มาเปรียบเทียบ (ทั้งคู่ทำอัตราเร่งได้ 12.0 วินาที โดยเฉลี่ย ในอัตราเร่งเดียวกัน) Atto 3 พุ่งไวกว่าถึง 2.5 วินาที เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัตราเร่งจะเร็วพอสมควร ทว่าทาง BYD ก็ไม่ได้เซทให้มันกระชากผู้โดยสารหลังติดเบาะ ออกตัวเป็นรถสปอร์ต เมื่อเหยียบคันเร่งแรงๆ อาการจะเหมือนหลังคุณค่อยๆจมลงไปในเบาะ เว้นแต่คุณจะเปิดโหมดสปอร์ต ก็จะมีให้คุณรู้สึกบ้าง เพื่อความเร้าใจในอารมณ์ได้ฟีลลิ่ง
ด้านแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ถ้าเทียบกับรถสันดาป ก็นับว่ามากพอสมควรอยู่แล้ว จนบางครั้งจอดติดไฟแดง เผลอกดแรง ถ้าพื้นที่ฝุ่นทราย หรือลาดยาง ที่ผ่านการใช้งานมานาน ก็จะมีอาการลื่นออกอาการให้เห็นอยู่บ้าง
สำหรับสายซิ่ง เรามีข่าวดี กำลังขับเจ้านี่ ดีพอจะให้ ตัวเลข 0-100 ก.ม./ช.ม. ในราวๆ 7.1 วินาที ถือว่าค่อนข้างเร็วพอสมควนในโหมด Normal ส่วนในการปรับโหมด Sport ตัวเลข ไม่ได้เร็วขึ้นจากนี้ เนื่องจากเป็นการปรับ การตอบสนองคันเร่งเท่านั้น ไม่ได้เพิ่มพลังขับให้มากกว่าเดิมแต่อย่างใด
ดังนั้นในเรื่องพละกำลัง BYD Atto 3 ถือว่าเหลือกินเหลือใช้ กับการใช้งานทั่วไปของคำว่ารถครอบครัว เพียงแต่ 200 แรงม้า แม้จะเป็นตัวเลขเดียวกับ รถสปอร์ตบางรุ่น ก็หาใช่ว่าจะเร้าใจสุดๆ แบบที่หลายคนหวังเอาไว้ …
เพราะนี่คือ รถที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานครอบครัว
ส่วนโหมด ทั้งการขับขี่ทั้ง 3 ได้แก้ Eco, Spor และ Normal จะปรับการตอบสนองคันเร่งให้ไวขึ้นตามต้องการ และ หรี่ลงให้เชื่องช้าหน่อย ในอีโค่เพื่อความประหยัดสูงสุด ไมได้หวือหวาอะไรเป็นพิเศษ
การบังคับควบคุม ( Handling)
ด้านการบังคับควบคุม BYD Atto 3 เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผมกล้าพูดว่า ทำออกมาได้ดี จนขับสนุก มั่นใจ และยังสะดวกสบายไปด้วยพร้อมกัน
จุดเด่นรถคันนี้ อยู่ที่ระบบกันสะเทือนหลัง “มัลติลิงค์” ให้การตอบสนองในยามขับขี่ดีกว่า รถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นทั่วไป ซึ่งมักให้ระบบทอร์ชั่นบีม ติดตัวมาด้วย ถ้าในระดับราคาใกล้กัน อย่าง MG ZS EV ก็ยังไม่ได้ระบบนี้
ข้อดีของระบบมัลติลิงค์ อยู่ที่การให้ตัวของช่วงล่างจะมีอิสระระหว่างกัน ระหว่างซ้ายและขวา ทำให้ ในยามตกหลุม หรือ เกิดกระแทก จะไม่ส่งถึงอีกฝั่ง รวมถึงการให้ตัวของตัวกันสะเทือนค่อนข้างนุ่มนวลกว่า เช่นเดียวกัน การเอี้ยวตัว โยนตัว จากแรงเหวี่ยงแรงกด เช่นในยามเข้าโค้ง จะถ่ายทอดไปยังยางดีกว่า
จึงเห็นผลชัดในยามขับขี่จริง โดยเฉพาะการโยนตัวของรถเวลาเปลี่ยนเลน ตลอดจนการเข้าโค้งด้วยความเร็ว จะรู้สึกค่อนข้างมั่นใจพอสมควร แต่สำหรับผลส่วนที่ทำให้รถคันนี่ยังเข้าโค้งได้ไม่ดีเท่าไรนัก คงเป็นชุดยาง Atlas Batman ยางติดรถ ยี่ห้อไม่คุ้นหู แถมชื่อรุ่นก็แปลกด้วย
เท่าที่ขับ ยางติดรถมีประสิทธิภาพดีประมาณหนึ่ง กับการใช้งานทั่วๆไป ดูเหมือน มันจะเป็นเน้นความนุ่มเงียบ การเก็บเสียงพื้นถนน ทำได้ดีประมาณหนึ่ง
แต่เมื่อคุณเริ่มใช้ความเร็ว เน้นสมรรถนะมากขึ้น เช่นเหวี่ยงเข้าโค้งแรงๆ จะพบว่ามันไม่ค่อยน่าวางใจ โดยเฉพาะใครที่คุ้นเคย กับเสียงยางลั่นๆเวลาเราลงโค้งแรงๆใช้ความเร็ว ยางชุดนี้ดูจะเงียบไปเมื่อใช้ความเร็วในโค้ง มันแทบไม่ลั่นและแอบลื่น ในบางครั้ง จนรู้สึกได้ถึงอาการหลุด โดยเฉพาะทางโค้งแคบ ถ้าใช้ความเร็วค่อนข้างชัดเจน
กลับกันในโค้งกว้างทั่วๆไป อาการจากยางจะน้อยลงตามลำดับ ขึ้นอยู่กับลักษณะของโค้ง และความเร็วที่คุณใช้ ดังนั้นใครสายสมรรถนะชอบซิ่ง บอกกล่าวตรงนี้เลยว่า เป็นไปได้หายางที่ดีกว่านี้ดีกว่า
ส่วนใครใช้งานทั่วๆไป ไม่ได้ซิ่งมาก ยางติดรถก็ถือว่าพอไปวัดไปวาได้ครับ
การควบคุมรBYD Atto3 มีดี อีก 2 อย่าง คือ คุณยังสามารถปรับการตอบสนองพวงมาลัย และ แป้นเบรกได้ 2 ระดับ คือ Normal และ Sport โดยต้องเข้าไปที่เมนู ในหน้าจอกลางเพื่อตั้งค่า
ส่วนตัวแนะนำว่าให้ทำก่อนที่คุณจะออกเดินทาง เนื่องจากเมนูค่อนข้างลึก และรถจะไม่คืนค่า Default แม้ว่าเราจะปิดการทำงานของรถไปแล้วก็ตาม (ซึ่งค่อนข้างดีในหลายๆมุม เพราะหมายความว่าเราไม่ต้องมาคอยนั่งปรับใหม่ทุกครั้งที่ขึ้นรถ)
ด้านการตอบสนองพวงมาลัย เมื่อเลือกปรับน้ำหนัก และระยะฟรี จะถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม กับความต้องการของผู้ขับขี่ต้องการในระดับทั่วไป จะเบาและมีระยะฟรีสักหน่อย พอปรับเป็นสปอร์ต จะมีความหนักแน่น กระชับขึ้นมา จนสายสปอร์ตอย่างผม ชอบมาก
เช่นกัน น้ำหนักแป้นเบรก ก็ปรับเปลี่ยนได้ ถ้าทั่วไป จะเหมือนต้องเหยียบลึกสักนิด เหมาะขับกับในครอบครัว ขับเลียๆ เบรก เหมือนมุ่นเน้นให้ความสบาย เมื่อปรับมาเป็นสปอร์ต แป้นเบรกจะตื้นขึ้นมา กดแล้วรู้สึกถึงความมั่นใจในทันที
นั่นก็ด้วยระบบ ดิสก์เบรก 4 ล้อ จานหน้าเป็นจานระบายความร้อน ให้พลังหยุดมั่นใจ อยู่หมัด
ส่วนการกู้คืนพลังงาน สามารถตั้งได้ 2 ระดับ เช่นกัน คือ มาตรฐานกับสูง ถ้าเน้นขับง่ายมาตรฐาน คือดีที่สุด แต่ต้องเหยียบเบรกช่วย คล้ายกับรถปกติ ดูเป็นธรรมชาติ
การตั้งค่า Regen ระดับสูง ผมเคยใช้ครั้งเดียวและไม่ใช้อีกเลย เนื่องจากมันจะดึงค่อนข้างหนักไปสักหน่อย จนแอบเสียว ว่ารถคันหลังจะทิ่มตูดเราไหม ให้ดี ควรลองหัดก่อนใช้งานจริงบนถนน
การชาร์จไฟฟ้าและความประหยัด
แน่นอนว่า เมื่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งที่หลายคนกังวลอย่างมาก คือ ระยะทางการขับขี่ BYD Atto 3 ก็มีระยะทางไม่น้อยเช่นกัน ถ้าเทียบกับรุ่นอื่นๆ
ตัวรถในรุ่น Extended Range จะมาพร้อมกับแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่ 60.64 kWh ระยะทางเคลมต่อการชาร์จ อยู่ที่ 480 ก.ม. ตามมาตรฐาน NEDC เมื่อชาร์จเต็ม จะขึ้นตามระยะทางที่เคลม เป๊ะๆบนหน้าจอ ไม่นำมาคำนวนร่วมกับระบบปรับอาากศ แบบค่ายอื่นๆ
ในการชาร์จไฟฟ้า จุดชาร์จ จะอยู่ทางด้านขวาหน้า เป็นช่องชาร์จ Type 2 สำหรับการชาร์จ AC และ DC ใช้หัว CCS Combo 2 สามารถหาชาร์จได้ง่าย ไร้ปัญหากวนใจ โดยระบบ DC รองรับการชาร์จ สูงสุด 90 Kwh อาจไม่เร็วหวือหวา แบบรถยุโรป แต่ก็เร็วพอที่จะชาร์จจาก 10-50% ของแบตเตอร์รี่ในระยะเวลา 22 นาที และใช้เวลา ไม่เกิน 40 นาที ไปถึง 80% ซึ่งก็มีระยะทางพอต่อการเดินทาง
ไม่เพียงเท่านี้ ตัวรถยังมีปลั้กชาร์จ ฉุกเฉินมา ให้คุณจิ้มกับปลั๊กไฟบ้านทั่วๆไป ได้ทุกที่ตามสะดวก
อย่างไรก็ดี ระยะทางการขับขี่ ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการกินไฟ ของมอเตอร์ไฟฟ้า โดยเราแบ่งการทดลองขับ ออก เป็น 2 รูปแบบ คือ
ในเมือง ขับในเขตกรุงเทพมหานคร และ ปริมณฑล ในช่วงเวลาปกติ และชั่วโมงเร่งด่วน จากการขับขี่ ระยะทาง 29.5 ก.ม. เราเติมไฟไป 4.7 กิโลวัตต์ คิดเป็นอัตรากินไฟฟ้า 6.2 ก.ม./ กิโลวัตต์
ส่วนการขับนอกเมือง เราใช้ความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. โดยชาร์จเพียง 72% ของแบตเตอร์รี่ และเหลือ 10% ตอนชาร์จไฟคืน วิ่งได้ระยะทาง 239.2 ก.ม. ใช้ไฟฟ้าไป 5.54 ก.ม. ต่อ กิโลวัตต์
ทั้งหมด เราขับด้วยโหมด Normal ค่าคืนพลังงานมาตรฐาน และ มีผู้โดยสาร 2 คน เปิดระบบปรับอากาศ ตามปกติ 25 องศาเซลเซียส
จากตัวเลข เมื่อเทียบกับขนาดและน้ำหนักตัวรถ ถือว่า กินไฟฟ้าอย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยจะทำได้ดีกว่าจากการขับในเมือง ซึ่งรถจะสามารถรีเจน ไฟได้จากการะลอความเร็วและการเบรก
ส่วนการขับนอกเมือง ตัวรถจะมีการรีเจนน้อยกว่า เนื่องจาก โดยมากจะเป็นการใช้คันเร่งยาวๆ ช่วงลงเขาเอง ก็รีเจนได้ไม่มาก จากโหมดคืนพลังงานมาตรฐาน แต่มันก็มีวิธีครับ ที่จะทำให้รถมีความประหยัดขึ้น นั่นคือ ใช้โหมด Eco จากการทดลองขับ กรุงเทพ-บุรีรัมย์ และ บุรีรัมย์-กรุงเทพ
ในขาไป เราใช้ โหมด Normal ก็ได้ตัวเลข ตามที่เราแจ้งไปในข้างต้น แต่ตอนขากลับเราวิ่งจนถึงปลายทาง และ แบตเตอร์รี่แสดง 0% เมื่อถึงตู้ชาร์จ พอดี …
สรุปรวมระยะทางการขับขี่ 366.6 ก.ม. ถ้าเอาขนาดแบตเตอร์รี่หาร จะอยู่ที่ 6.0 ก.ม.ต่อ กิโลวัตต์ แต่อาจจะดีกว่านี้ เพราะความจริง แม้ในจอจะ 0% ก็จะมี Buffer อีกเล็กน้อย เพื่อไม่ให้รถ ดับวูบกลางอากาศไปเลย
(ขับด้วยความเร็ว 100-120 ก.ม./ช.ม. การคืนพลังงาน มาตรฐาน )
และ ถ้าเราเอา อัตราประหยัดที่เราได้ มาคำนวน ระยะทางการใช้งานจริง จะพบว่า
อัตราประหยัด จากการขับขี่จริง ระยะทางต่อการชาร์จ (ก.ม.) ในเมือง 6.2 ก.ม./ kw 375 นอกเมือง Normal 5.54 ก.ม./ kw 335 นอกเมือง Eco 6.0 ก.ม./ kw 366
แม้ว่า ตัวเลขที่เรารายงานจะน้อยกว่าการเคลม NEDC และ WLTP แต่ เป็นตัวเลขจากการขับทดสอบจริงของเรา ตามที่ได้ทดสอบ ซึ่งในกรณี คุณมีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่ง และ สัมภาระแน่น รวมถึงใช้ความเร็วมากกว่านี้ อัตราประหยัด ก็แย่กว่านี้
ดังนั้น คำแนะนำเราคือ เติมพลังทุก 300 ก.ม. คือ Safe Zone ที่สุด สำหรับ รถคันนี้
BYD Atto 3 มีดีหลายอย่าง คุ้มค่าสุดวันนี้
หลังจากขับ BYD Atto 3 ผมก็ต้องบอกว่า นี่คือรถอเนกประสงค์ไฟฟ้า ที่น่าสนใจที่สุดในเวลานี้ ด้วยราคา ความสามารถ ออพชั่นที่ครบเครื่องตอบโจทย์การใช้งาน อย่างครอบคลุม จนไม่น่าแปลกใจ ที่จะมีการส่งมอบรถหลายพัน ในช่วง 4-5 เดือน ที่ผ่านมา เรียกว่าขับไปทางไหน คุณก็จะพบ BYD จอดชาร์จ หรือขับผ่านเสมอ
ข้อดี ของรถรุ่นนี้ อยู่ที่พลังขับ ขนาดตัวรถ และความนิ่มนวลในการโดยสาร เรียกว่าคุ้มค่า เงินที่จ่ายไป แม้มันจะไม่ได้แรงมุทะลุ เท่า Tesla แต่ก็มีพลังมากพอที่จะ พาคุณ และผู้โดยสารออกเดินทางได้สบาย เหยียบเมื่อไร ก็พร้อมจะไปในทันที
กลับกัน ในส่วนที่ต้องพิจารณา รถคันนี้ก็อยู่บ้าง ดังนี้ครับ
- ความนิ่มนวลของช่วงล่าง อาจไม่เหมาะกับการขับรถด้วยความเร็วสูงนัก
- ยางติดรถ ถ้าคุณขับใช้ความเร็วบ่อยๆ ควรเปลี่ยนออกไปใช้ยี่ห้ออื่น จะดีกว่า
- เบาะตอนหน้าต้องปรับตัวให้ชิน กับการดันกบาล สักหน่อย
- การรีเจน ในโหมดมาตรฐานยังหน่วงน้อยไป
ในภาพรวม มันจึงเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่เราต้องพูดตามตรงว่า เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ยิ่งใครมองหารถครอบครัวสักคัน ใช้งานได้ครอบคลุม ไม่ต้องกังวลใต้ท้องครูด หรือ เจอน้ำขังรอระบาย … มันน่าคบอย่างมาก
นอกจาก รุ่นที่เรานำมาขับ ยังมีรุ่นแบตเตอร์รี่เล็กกว่า ระยะทางน้อยกว่า ราคาของมันก็ถูกลง เป็นอีกตัวเลือก สำหรับคนที่งบจำกัด
จนไม่แปลกใจ ที่จะเห็นมัน วิ่งเกลื่อนเมืองพอๆ กับ น้องแมว ที่เคยขายดีก่อนหน้านี้ มันเหมาะกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก สำหรับครอบครัว ทุกอย่างเซทมาค่อนข้างลงตัว ในระดับที่น่าพอใจ เพียงแต่มันยังไม่ตอบโจทย์กับคนอย่างผม ที่เป็นสายสปอร์ต บางครั้งชีวิตก็เร่งรีบ ต้องบี้เวลา เลยอาจชอบฟีลลิ่งสปอร์ตนิดๆ
ไม่อย่างนั้น เชื่อว่า มันคงได้เข้ามาอยู่ในบ้าน ของเรา อย่างแน่อน
ขอบคุณ บริษัท เรเว่ ออโต้โมทีฟ จำกัด ที่เอื้อเฟือ รถยนต์ BYD Atto 3 มาให้ในการทดสอบขับขี่ ในโอกาสนี้