นอกจากการเตรียมต้อนรับ “รถกระบะไฟฟ้า” จากทาง BYD ล่าสุด ดูเหมือนว่าเราอาจจะต้องเตรียมรับน้อง “รถกระบะปลั๊กอินไฮบริด” จากแบรนด์นี้กันก่อน ตามรายงานล่าสุดโดยสื่อออสเตรเลีย
จากข้อมูลโดย Drive.com.au ระบุว่าในตอนนี้ ทาง BYD ไม่ได้มีการทดสอบรถกระบะรุ่นใหม่ของพวกเขา แค่เฉพาะในรุ่นที่ใช้ขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ล่าสุด ได้มีภาพสปายช็อตจากเว็บไซต์ autospy.net ของ รถกระบะจาก BYD อีกหนึ่งคัน ที่หน้าตาเหมือนกับตัวรถทดสอบพลังงานไฟฟ้า 100%
แต่เป็นคันที่ใช้ขุมกำลังพลังงานทางเลือกอีกรูปแบบหนึ่ง นั่นคือ ขุมกำลังไฮบริดเสียบไฟ หรือ ปลั๊กอิน ไฮบริด กันอยู่ แถมในคราวนี้ยังดูเหมือนว่ามันจะมีสภาพ “พร้อมขาย” มากกว่าตัวรถร่าง EV 100% เสียด้วย เนื่องจากตัวรถที่กำลังวิ่งทดสอบอยู่นั้น มีการคลุมสติ๊กเกอร์พรางตาที่น้อยกว่ามาก
จากภาพในข้างต้น ทำให้เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตัวรถกระบะน้องใหม่จาก BYD นั้น จะมาพร้อมกับเส้นสายที่เหลี่ยมสัน โดยเฉพาะชุดไฟหน้า ที่ดูไปดูมาแล้วแอบคล้ายกับ Ford F-Series ในสหรัฐอเมริกาอยู่ไม่น้อย แม้แต่กันชนหน้ายังมีความใกล้เคียงกับของ Ranger Raptor ต่างกันแค่มีความสูงมากกว่า
ส่วนแนวตัวถังด้านข้างเองก็มีความเหลี่ยมจัดไม่แพ้กัน ตั้งแต่แนวกรอบประตู ไปจนถึงแนวซุ้มล้อ แม้แต่ไฟท้ายก็ด้วย เรียกได้ว่าต้องการเรียกภาพลักษณ์บึกบึนเต็มขั้น และชุดล้อเอง ก็ดูเหมือนจะเป็นขนาด 18 นิ้วแบบปัดเงา แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ายางที่ให้มาเป็นแบบไหน
นอกจากนี้ หากย้อนไปช่วงปลายปี ก็ยังมีภาพของภายในตัวรถ ซึ่งแม้ว่ามันจะยังดีไม่พอที่จะทำให้เราได้เห็นว่าภายในตัวรถถูกตกแต่งไว้ในลักษณะใด เพราะชิ้นส่วนต่างๆได้ถูกหุ้มผ้าบังตาไว้ทั้งหมด แต่ในส่วนชุดหน้าจออินโฟเทนเมนท์สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า จะเป็นจอขนาดอย่างน้อยราวๆ 15 นิ้ว ที่สามารถพลิกแนวการแสดงผลได้ ทั้งแนวตั้งและแนวนอนตามเดิม
ส่วนชุดจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ คาดว่าจะเป็นชุดจอขนาด 10.25 นิ้ว ที่ยกมาจาก BYD Seal และใช้อินเตอร์เฟซแบบเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังเผยให้เห็นอีกว่า รถสามารถวิ่งได้ไกล 1,079 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเกือบเต็มถัง และแบตเตอรี่ที่ถูกชาร์จจนเกือบเต็มเช่นกัน
โดยสำหรับกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถกระบะจาก BYD นาย Luke Todd ผู้บริหารใหญ่ของ BYD Australia ระบุว่าตัวรถที่ใช้ขุมกำลัง ปลั๊กอิน-ไฮบริด จะพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 และเตรียมวางขายในช่วงครึ่งหลังของปีเดียวกัน และจากนั้นสำหรับตัวรถขุมกำลังไฟฟ้า ก็จะเปิดตัวตอนปี 2025 ตามมาในภายหลัง