หลังจากมีข่าวลือมานาน ในที่สุด Chery Group อีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีน ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าพวกเขาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ภายในปี 2024
จุดเริ่มต้นของ Chery Group ย้อนไปตั้งแต่ปี 1997 ในชื่อ Anhui Auto Parts Industry ที่ผลิตเครื่องยนต์เป็นหลัก จนกระทั่ง 2 ปีต่อมา ในนามของ Chery Automotive ได้ผลิตรถยนต์ครั้งแรกในวันที่ 18 ธันวาคม 1999 ซึ่งรถรุ่นแรกของ Chery Group ขายได้ราว 30,000 คัน ในประเทศจีน จากนั้น Chery Group ก็ได้กลายเป็นที่รู้จักและเปิดตัวต่อสายตาชาวโลกในฐานะองค์กรลูกผสมระหว่างธุรกิจของรัฐและสตาร์ทอัพคนรุ่นใหม่ ซึ่งในปี 2001 Chery Group ได้เริ่มส่งออกรถยนต์ไปยังต่างประเทศครั้งแรก
จากนั้น ในปี 2007 หลังจากเริ่มจำหน่ายรถยนต์ได้ไม่ถึง 8 ปี Chery Group ได้จำหน่ายรถไปแล้ว 1,000,000 คัน ซึ่งถือเป็นสถิติการพัฒนาที่รวดเร็วที่สุดของจีนและทั่วโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะนั้น กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่มีประสิทธิภาพและกำลังการผลิตมากที่สุดอันดับ 7 และขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (passenger car) รายใหญ่ที่สุดของจีน
ในปี 2022 Chery Group ประสบความสำเร็จอีกขั้น ด้วยยอดขายรถยนต์มากกว่า 1.2 ล้านคัน ส่งออกราว 5 แสนคันทั่วโลก
ขณะเดียวกัน ในช่วงกลางปี 2023 ในงาน Shanghai International Automobile Industry Exhibition ครั้งที่ 20 (Auto Shanghai 2023) ได้เปิดตัว แบรนด์รถยนต์ใหม่ ภายใต้ Chery Group ในชื่อ OMODA และ JAECOO ซึ่งเป็นการพัฒนาแบรนด์รถยนต์สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและดีไซน และควบรวมกับ เทคโนโลยีล่าสุดของ Chery Group
โดยรถยนต์ที่เปิดตัวเป็นรุ่นแรกคือ OMODA 5 EV รถยนต์ขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ออกแบบภายใต้แนวคิดการสะท้อนตัวตนผู้ขับขี่คนรุ่นใหม่ ที่มีความทันสมัย มีสไตล์และชื่นชอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต
ในขณะที่แบรนด์ JAECOO ได้รับแรงบันดาลใจจากปรัชญาของธรรมชาติ เรียบหรู น่าเกรงขาม เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีสุดทรงพลังที่สามารถขับขี่ได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ ผ่านการออกแบบภายในที่มีความประณีต ความซับซ้อน และแข็งแรง
สำหรับในปี 2024 ที่จะถึงนี้ Chery Group พร้อมแล้วที่จะเข้ามาให้บริการในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เปิดตัวโชว์รูมและศูนย์บริการที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค พร้อมกับนำรถยนต์ OMODA 5 EV และ JAECOO มาให้ผู้ขับขี่ชาวไทยได้เตรียมเป็นเจ้าของกัน
และการกลับมาครั้งนี้ทาง Chery Group จะเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด ไม่ผ่าน Distributor และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าชาวไทยทุกคน ทางบริษัทฯยังมีความตั้งใจที่จะลงทุนสร้างโรงงานและทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคนี้อีกด้วย ซึ่งต้องรอติดตามกันต่อไปว่าพวกเขาจะทำได้ดังที่วางแผนไว้หรือไม่ ?