เรียกได้ว่าปี 2024 ถือเป็นปีที่หนักหน่วงเอาเรื่อง สำหรับทางแบรนด์ Tesla เพราะนอกจากข้อมูลยอดขายในไตรมาสแรกที่หดตัวอย่างหนัก ล่าสุดยอดขายรถยนต์ที่ผลิตในประเทศจีนของพวกเขาเองก็ยังลดฮวบในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย
จากข้อมูลตัวเลขยอดขายของรถยนต์จาก Tesla ที่ผลิตในประเทศจีน โดยหน่วยงาน China Passenger Car Association (CPCA) ระบุว่าในเดือนเมษายน ปี 2024 ที่ผ่านมา พวกเขาสามารถขายรถไปได้เพียง 62,167 คันเท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับยอดขายของเดือนเดียวกันในปีที่แล้วก็จะเท่ากับว่ายอดขายรถยนต์ของพวกเขานั้นหดตัวลงไปมากถึง 18%
และหากเทียบตัวเลขเดียวกันนี้ กับตัวเลขยอดขายในเดือนมีนาคม ปี 2024 หรือก็คือหนึ่งเดือนก่อนหน้า ก็จะเท่ากับว่ายอดขายรถยนต์ของพวกเขาในเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น ลดฮวบลงไปถึง 30.2% หรือหายไปถึงเกือบ 1 ใน 3 กันเลยทีเดียว
และในเมื่อตัวเลขอ้างอิงในครั้งนี้ เป็นตัวเลขยอดขายของ “รถยนต์ Tesla ที่ผลิตในประเทศจีน” ไม่ใช่ “รถยนต์ Tesla ที่ขายในประเทศจีน” นั่นจึงหมายความว่าในอีกนัยหนึ่ง มันก็คือการบ่งบอกว่า Tesla อาจไม่ได้ประสบปัญหาทางด้านยอดขายแค่ในประเทศจีน แต่ยังรวมถึงยุโรป และเอเชีย หรือในตลาดอื่นๆที่โรงงาน Giga Shanghai ในประเทศจีน รับผิดชอบในการผลิตรถเพื่อส่งออกไปวางจำหน่ายในพื้นที่ประเทศเหล่านั้น ซึ่งรวมถึงไทยเราด้วย
โดยหากให้กลับไปเจาะที่ตลาดใหญ่อย่างประเทศจีนอีกครั้ง เราก็จะพบว่าสถานการณ์ของ Tesla เอง ก็น่าห่วงพอสมควรเช่นกัน เพราะแม้ยอดขายรถยนต์ของพวกเขาจะลดลง แต่ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศจีนจริงๆแล้วกลับพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่าง BYD
เพราะแม้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV, HEV, PHEV) ของ BYD ในประเทศจีนจะร่วงลงไปมากกว่า 25% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกัน ของปีก่อน แต่มันกลับสวนทางกันในเดือนเมษายน ที่ยอดขายรถยนต์เหล่านั้นของ BYD ในประเทศจีนดีดกลับมาที่ 312,048 คัน ซึ่งถือว่ามากขึ้นกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้วถึง 48.97% และยังเป็นอัตราการเติบโตต่อเนื่องมาจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอยู่ 3.5%
จากตัวเลขข้างต้น จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla นั้นสวนทางกับทิศทางการตลาดของคู่แข่งอย่าง BYD ประเทศจีนอย่างเห็นได้ชัด และด้วยทิศทางการตลาดเช่นนี้ จึงทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ในตลาดหลักทรัพย์โลกยิ่งร่วงลงไปอีกราว 3.8% เนื่องจากเหล่านักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจในตัวบริษัท จากการที่พวกเขายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาและตอบโต้เหล่าคู่แข่งได้ดีพอ ตามการรายงานของ Reuters
อย่างไรก็ดี แม้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จะมีข้อมูลเผยออกมาว่า ด้วยพิษยอดขายที่ร่วงหนักทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ทาง Tesla ต้องปลดพนักงานทั่วโลกกว่า 10% และยังมีการชะลอโปรเจ็กท์สร้างโรงงาน Gigacasting แห่งใหม่ในประเทศจีน จนกว่าจะมีทุนสำรองมากพอให้ไปต่อได้
แต่พวกเขาก็ยังมีแผนสำรอง ที่อาจจะช่วยให้ยอดขายรถยนต์ของตนเองในประเทศจีนกระเตื้องกลับมา นั่นคือการเตรียมปล่อยออพชันซอฟท์แวร์ระบบ Full Self-Driving ให้ลูกค้าชาวจีนได้เลือกซื้อและอัพเเดทเพิ่มเติมกันในทันทีที่ภาครัฐของประเทศจีนอนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้แล้ว