ทุกวันนี้การเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าอาจเป็นเรื่องไกลตัวคนธรรมดาทั่วไปอย่างเรามาก ด้วยสาเหตุจากราคาค่าตัวที่สูงกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปอยู่หลายตังค์ แต่ต่อไปภายในไม่เกินปี 2025 พวกเราจะได้ซื้อรถใส่ถ่านที่มีราคาถูกกว่ารถใช้เครื่องอย่างแน่นอน
นับถอยหลังใกล้เข้าสู่โลกยานยนต์ยุคไฟฟ้าพลังสะอาดกันไปเรื่อยๆ ที่ทุกวันนี้บรรดาบริษัทรถยนต์ก็ต่างพากันวิจัยออกแบบรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ เพื่อเตรียมออกขายแก่ผู้บริโภคอย่างเราท่านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ยิ่งมีการผลิตรถไฟฟ้ามากขึ้นเท่าใด แนวโน้มของราคาชิ้นส่วนที่จำเป็นต้องใช้อย่าง แบตเตอรี หรือมอเตอร์ไฟฟ้ายิ่งมีราคาถูกลงเป็นเงาตามตัว ดังนั้นบทวิเคราะห์จากสำนักข่าวชื่อดัง Bloomberg จึงเขียนระบุว่า เมื่อถึงปี 2025 รถไฟฟ้าจะมีราคาถูกกว่ารถเครื่องสันดาปทั้งเบนซิน และดีเซลอย่างแน่นอน
จากข้อมูลในบทความระบุว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถไฟฟ้ามีราคาแพงนอกจากค่าวิจัยพัฒนา ก็หนีไม่พ้นแบตเตอรีที่ยิ่งมีความจุมากเท่าใดราคาจะเพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะปัจจุบันราคาแบตเตอรีลิเทียมไอออนคิดราคาต้นทุนต่อ 1 kWh อยู่ที่ 208 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 6,656 บาท) ทว่าจากการวิเคราะห์ได้พบผลที่น่าพอใจว่า ภายในปี 2030 ราคาต้นทุนแบตเตอรีต่อ 1 kWh จะเหลือเพียง 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น (ราว 2,240 บาท) นั่นหมายความว่าผู้ผลิตรถไฟฟ้าสามารถขายรถในราคาที่ถูกกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัจจุบันยอดขายรถไฟฟ้าจะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี แต่ทางราคาแบตเตอรีก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอันส่งผลต่อราคารถโดยตรง ซึ่งเมื่อใดที่แบตเตอรีมีราคาถูกลงจนเกินจุดคุ้มทุนในการพัฒนาแล้ว วันนั้นประชากรบนโลกนี้จะได้ใช้รถไฟฟ้าในราคาเดียวกันหรือถูกกว่ารถเครื่องสันดาปทั่วไป และที่น่ายินดีคือมลพิษในอากาศจะลดลงจนได้ลมสะอาดบริสุทธิ์กลับคืนมา