Ferrari นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงที่กล้านำเสนอเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนใหม่ๆให้ลูกค้าเสมอ และล่าสุดก็เป็นการประกาศความพร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ออกมา โดยระบุว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

จากการเปิดเผยข้อมูลโดย Benedetto Vigna ผู้บริหารสูงสุดของ Ferrari ในงานแถลงข่าวสรุปยอดขายของปี 2024 ที่ผ่านมา ระบุว่าทางแบรนด์จะมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ภายในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งแม้ผู้บริหารรายดังกล่าว จะไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆของตัวรถเพิ่มเติมมากนัก แต่เจ้าตัวก็ให้การยืนยันว่ามันจะมีความแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วๆไป โดยมาพร้อมกับความโดดเด่นทั้งในส่วนของงานออกแบบ, สมรรถนะ, และการมอบอารมณ์ร่วมในการขับขี่ที่มี “เอกลักษณ์เฉพาะตัว”
โดยหากอิงจากข้อมูลภาพ Spyshot ก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าโมเดลใหม่ของ Ferrari จะมาพร้อมกับตัวถึงแบบครอสโอเวอร์ 4 ประตู หรือ อย่างน้อยก็รูปทรงแบบแฮชท์แบ็ก ไม่ใช่รถสปอร์ต หรือรถทรง GT
และดูเหมือนว่าทางค่ายอาจจะมีการติดตั้งระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์เอาไว้ด้วยตามข้อมูลจากช่างภาพที่คอยเก็บข้อมูลตัวรถในบริเวณโรงงานของ Ferrari ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันอาจเป็นเพียงเสียงหลอกเพื่อปกปิดตัวรถไว้ไม่ให้คนทั่วไปจับได้ว่ามันคือรถยนต์ไฟฟ้าก็เท่านั้น
ที่น่าสนใจก็คือ นอกจากความท้าทายในการเตรียมทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ ซึ่งอาจขัดใจลูกค้ากันหลายคน ทาง Ferrari ยังระบุว่าพวกเขาจะมีการเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ๆอีก 5 รุ่น โดย 2 ในนั้นจะเป็นตัวรถ 12Cilindri Spider ร่างขายจริง กับตัวตายตัวแทนของ Ferrari Roma รถสปอร์ตทรงแกรนด์ทัวร์ริสโม (GT) ที่ยุติการผลิตไปตั้งแต่ปี 2024 ด้วย
ส่วนตัวรถขุมกำลังไฮบริดอื่นๆที่เคยยกเลิกแผนการทำตลาดไปในปี 2022 เพื่อหลีกทางให้กับโปรเจ็กท์การทำรถยนต์ไฟฟ้าโมเดลใหม่ของแบรนด์ ก็จะไม่ถูกฟื้นโปรเจ็กท์กลับมาด้วย แม้ว่าในตอนนี้กระแสผู้ใช้รถยนต์ในตลาดโลกจะให้ความสนใจในรถยนต์ไฮบริดมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าก็ตาม
และเจ้าตัวยังมองว่าการเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ตามนโยบายของนาย Donald Trump ประธาราธิบดีคนใหม่ ซึ่งจะมีผลกับรถที่นำเข้าจากยุโรปด้วย (ไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะรถจากจีน) จะไม่กระทบต่อยอดขายรถยนต์ของพวกเขาในปี 2025 นี้ด้วย (เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็คงไม่ได้เดือดร้อนในเรื่องค่าใช้จ่ายกันอยู่แล้ว)
โดยยอดขายรถยนต์ของ Ferrari ในปี 2024 ที่ผ่านมา มีตัวเลขรวมทั่วโลกทั้งหมด 13,752 คัน ซึ่งถือว่ามากกว่ายอดขายในปี 2023 ทั้งหมด 89 คัน ทำให้ทางค่ายสามารถทำเม็ดเงินเข้าบริษัทไปได้กว่า 2,560 ล้านยูโร หรือราวๆ 89,559 ล้านบาท ในปีดังกล่าว และพวกเขามองว่าบริษัทจะสามารถหาเงินในปี 2025 ได้มากขึ้น เป็น 2,650 ล้านยูโร หรือราวๆ 93,757 ล้านบาท จากการเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ถึง 6 รุ่น ด้วยกันในปีนี้