ระบบขับอัตโนมัติในรถยนต์ คือสิ่งที่เหล่าผู้ใช้รถยนต์หลายคน โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้งานชื่นชอบ แต่เนื่องจากในปัจจุบันมันยังเป็นเพียงระบบขับอัตโนมัติระดับ 2 เท่านั้น จึงทำให้มันอาจจะยังไม่ได้ทำให้ผู้ใช้มีความสะดวกสบายมากเท่าไหร่
แต่จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุดของนาย Jim Farley ผู้บริหารสูงสุดของ Ford คนปัจจุบัน กลับระบุว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ทางบริษัทจะมีการใส่ “ระบบขับอัตโนมัติ ระดับ 3” เข้ามาแน่นอน
“เราใกล้จะทำมันได้แล้ว” Farley กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับผู้ประกาศ David Westin ในรายการข่าวของ Bloomberg TV “เราสามารถทำมันออกมาได้ดีในรถต้นแบบ, แต่การจะทำให้มันมีความคุ้มทุนยังอยู่ในกระบวนการพัฒนาที่เราต้องทำให้ได้ก่อนอยู่, ระบบขับอัตโนมัติระดับ 3 จะทำให้คุณสามารถปล่อยมือ และละสายตาจากเส้นทางบนถนนไฮเวย์ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
“ดังนั้นรถของคุณก็จะกลายเป็นเหมือนออฟฟิศเคลื่อนที่, คุณสามารถประชุมสาย และทำอะไรหลายๆอย่างได้ (ขณะที่รถกำลังวิ่งอยู่)”
และนอกจากการติดปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิต ที่ตอนนี้ยังไม่สามารถทำให้มันมีราคาที่ย่อมเยาได้ หากต้องคิดค่าใช้จ่ายแบบขายขาดทีเดียวจบไปกับรถ (คือจะทำให้ดูจับต้องได้ง่ายก็ได้ แต่ต้องเป็นการคิดค่าบริการแบบสมัครสมาชิก ที่หากลูกค้ายกเลิก ระบบก็จะใช้ไม่ได้ในภายหลัง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ต้องการเท่าไหร่นัก)
อีกสิ่งหนึ่งที่ทาง Ford ยังต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในเรื่องระบบดังกล่าว ก็คือการปรับปรุงประสิทธิภาพของชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ในสภาวะที่ทัศนวิสัยไม่ดีเท่าไหร่นัก ให้สามารถตรวจจับวัตถุต่างๆบนถนนได้ดียิ่งขึ้น
“เราก็อยากจะทำมันให้เสร็จสิ้นภายในวันอาทิตย์นี้เลย” Farley กล่าว “(แต่)ในการขับท่ามกลางสภาพฝนตกหนัก อุปกรณ์ของเรากลับทำงานได้ค่อนข้างลำบากเมื่อเป็นการขับที่ความเร็ว 80 ไมล์ต่อชั่วโมง (ราวๆ 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง)”
โดยในปัจจุบัน ระบบ ADAS ที่ใช้อยู่ในรถยนต์ส่วนใหญ่ ยังถูกตีว่าเป็น “ระบบขับอัตโนมัติ ระดับ 2” เท่านั้น
ซึ่งมันมาพร้อมกับข้อบังคับในการใช้งานสำคัญคือ ผู้ใช้รถจะต้องจับพวงมาลัยตลอดเวลา และห้ามละสายตาจากถนนเด็ดขาด เพราะแม้ระบบจะสามารถควบคุมทั้งคันเร่ง เบรก และพวงมาลัยได้ แต่ผู้ขับยังต้องตื่นตัว และพร้อมสำหรับแก้ไขสถานการณ์อยู่เสมอ เนื่องจากความฉับไวในการทำงาน และการตัดสินใจของระบบยังมีข้อจำกัดสูงอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับในการใช้งานบนถนนซึ่งมีการจราจรคับคั่ง และมุมอับค่อนข้างเยอะ
ส่วน “ระบบขับอัตโนมัติ ระดับ 3” ที่ผู้บริหาร Ford ระบุว่าจะมีการนำมาใส่ในรถยนต์ตัวขายจริงของพวกเขาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ก็จะมาพร้อมกับชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ที่ได้รับการอัพเกรดให้สามารถตรวจจับวัตถุได้กว้างและไกลมากขึ้นอีกระดับ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผล และให้ระบบใช้ในการตัดสินใจการกระทำต่างๆได้อย่างครอบคลุมและปลอดภัยมากขึ้น จนถึงขั้นที่มันสามารถตัดสินใจแซงรถยนต์ที่ช้ากว่าข้างหน้าได้เอง โดยคุณไม่ทันได้สั่งงานมันเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งความปลอดภัยและความฉลาดของระบบนี้ ก็มากพอที่จะทำให้คุณสามารถละมือออกจากพวงมาลัย หรือละสายตาออกอจากถนนได้เป็นพักๆ และแม้ตัวระบบอาจจะมีการตั้งเวลาเพื่อเรียกสติคุณเป็นพักๆ แต่มันก็ถือว่าเป็นระดับการขับอัตโนมัติที่ช่วยให้การใช้งานรถ โดยเฉพาะในการเดินทางไกลมีความสะดวกสบายขึ้นอีกมากเลยทีเดียว
ทั้งนี้ สำหรับระบบ Full-Self Driving ของ Tesla เบื้องต้นยังคงถูกตีความทางกฏหมาย ให้เป็นเพียงระบบขับอัตโนมัติระดับ 2 เท่านั้น แม้ว่ามันจะสามารถเปลี่ยนช่องทางการจราจรให้คุณได้เอง แต่ระบบก็จะยังคงต้องอาศัยการตัดสินใจขอเปลี่ยนเลนจากผู้ขับก่อน
และตัวระบบยังต้องขอให้คุณจับพวงมาลัย รวมถึงไม่ละสายตาจากถนนโดยเด็ดขาดตลอดเวลาอยู่ดี แม้หลายคนที่ลองใช้จะแอบปล่อยมือไปทำอย่างอื่นบ่อยๆ ซึ่งรถก็ยังทำงานได้อยู่ก็ตาม
แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงมากๆว่า หาก Ford เปิดตัวระบบขับอัตโนมัติ ระดับ 3 ออกมา ทาง Tesla ก็คงใช้เวลาไม่นาน ในการอัพเดทระบบ Autopilot ในรถยนต์ของพวกเขาด้วยแน่นอน หรือไม่แน่ว่าอาจมีการเปิดตัวดักหน้าก่อนเลยก็เป็นได้