แม้กระแสความนิยมในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะดูร้อนแรงบนโลกโซเชียล แต่ในทางปฏิบัติจริง มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลายผู้ผลิตต่างพากันปรับแผนงานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันยกใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งรายล่าสุดอย่าง Ford
จากงานแถลงข่าวล่าสุดของบริษัท นำโดยนาย Jim Farley ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริหารสูงสุด หรือ CEO ของ Ford เปิดเผยว่าในตอนนี้ ทางแบรนด์ได้มีการปรับแผนงานดำเนินการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ โดยจะเป็นการเลื่อนระยะเวลาในการทำตลาดสองว่าที่รถยนต์ไฟฟ้าโมเดลใหม่ของตนเองออกไปอีกรุ่นละราวๆ 1-2 ปี
แต่ในขณะเดียวกันทางบริษัทก็จะมุ่งไปพัฒนารถยนต์รุ่นต่างๆที่อยู่ในไลน์อัพตอนนี้ให้มาพร้อมกับขุมกำลังทางเลือกอย่างระบบไฮบริดแทน เพื่อสอดรับกับทิศทางการตลาดในปัจจุบันของลูกค้า
“ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับสอง ของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงสองปีที่ผ่านมา, เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับการทำกำไรจากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า, ด้วยการลุงทุนอย่างชาญฉลาดและนำรถ ขุมกำลังสันดาปภายใน, ไฮบริด, และไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สู่ตลาดที่ใช่ ในเวลาที่ควร” Jim Farley กล่าว
“หัวหอกหลักของเรา, ยานยนต์ไฟฟ้ายุคถัดไป จะถูกสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ฐานรากและการพัฒนาด้านซอฟท์แวร์อย่างเต็มระบบ, พร้อมด้วยการพัฒนาประสบการณ์ดิจิตอลและความสะดวกสบายในการซ่อมบำรุงที่มากมาย”
อย่างไรก็ดี แม้กำหนดการเปิดตัวรถกระบะไฟฟ้ารุ่นใหม่ (ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่า จะไม่ได้ใช้ชื่อ Lightning อย่างที่เคยเป็นข่าว) จะถูกเลื่อนออกไปจากปี 2025 เป็นปี 2026 แต่ ณ โรงงานผลิตในเมืองเทนเนสซี ของ Ford ซึ่งถูกระบุไว้ออย่างชัดเจนว่าจะเป็นสถานที่ผลิตรถยนต์รุ่นนี้มาตั้งแต่แรก ก็จะยังคงได้รับการปรับปรุง ปรับเปลี่ยน และติดตั้งเครื่องมือในไลน์ผลิตใหม่ดังเดิม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตเมื่อถึงเวลา โดยมีเหล่าพนักงานที่เคยอยู่บริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Tesla, Amazom, Meta, Toyota และอื่นๆ มาควบคุมงาน และดูแลการผลิตตัวรถคันนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน ทางฝั่งรถอเนกประสงค์ไฟฟ้าแบบที่นั่ง 3 แถว ก็ถูกเลื่อนกำหนดการเปิดตัวจากปี 2025 ไปเป็นปี 2027 ซึ่ง Ford ระบุว่า เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มของตลาด และยังทำให้ทางแบรนด์มีเวลาในการพัฒนาระบบแบตเตอรี่ได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งนั่นจะส่งผลดีต่อลูกค้า ทั้งในด้านความทนทานต่อการใช้งาน และราคาในการวางจำหน่ายนั่นเอง