นึกจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เชื่อว่าหลายคน จะนึกถึงแบรนด์ Tesla อย่างแน่นอน รถที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ก็หนีไม่พ้น Tesla Model 3 เจ้าเก่งผู้บริหารที่ล่าสุดเพิ่งจะปรับโฉมไปเมื่อปีที่แล้ว และในปีนี้ ทางเทสล่า เติมไลน์อัพตัวแรง Tesla Model 3 Performance เข้ามาตอบสาวก ที่มองหาความแรง สะใจในการขับขี่
ตั้งแต่รุ่นก่อน Tesla มีรหัส Performance เป็นที่ทราบกันดีว่า มันคือรุ่นที่มาพร้อมที่สุดสมรรถนะในการขับขี่ พกความเร้าใจ ที่สุดของที่สุด ตอบคนมองหาสมรรถนะ
ถ้ามองภายนอกเผินๆ เราจะรู้สึกว่า ตัวรถดูไม่ต่างจากเดิม สักเท่านัก หน้าค่าตาทรวรทรงเดียวกัน จุดต่างมีอยู่เพียง 2-3 จุด เท่านั้น
เริ่มจากกันชนหน้ามีการอัพเกรดใหม่ ให้ความลงตัวมากขึ้น ดดยมีชื่อ รีดอากาศทางด้านข้าง เพื่อสร้าง Air curtain เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง ช่วยให้การรีดอากาศทางด้านข้างดีขึ้น และรถมั่นคงมากขึ้นเวลาทำความเร้ว
ข้อต่อมา ชุดล้อ เปลี่ยนเป็นขนาด 20 นิ้ว ลายวาร์ป โดยตัว ล้อ จะมาพร้อมคลับ ที่ทำหน้าที่เหมือนใบเจ็ด ของ ดูดอากาศ ในระหว่างขับขี่ ช่วยให้รีดอากาศ ไประบายความร้อนเบรกได้ดีขึ้น
ไม่เพียงเท่านี้ ชุดล้อและหลังของรุ่นนี้ จะมีความกว้างตัวล้อต่างกัน เืพ่อใส่ยางคนละขนาด ช่วยให้รถมั่นคงในการขับขี่มากขึ้น และตอบสนองแบบรถสปอร์ตยามขับขี่ แถมตัวนี้ ทาง Tesla ยังเติมชุดยาง Pirelli P zeo เข้ามา เพื่อบ่งบอกความพร้อมเรื่องความสปอร์ตอย่างแข็งขันมากขึ้นด้วย
ด้านท้ายรถ เทียบกับรุ่นเดิม มีการปรับปรุง สปอร์ยเลอร์ท้ายใหม่ จากรุ่นเดิมที่ดูไม่เด่นมากมาย งวดนี้ ทำออกมาให้เด่นมากขึ้น แถมยังเพิ่มดิฟฟิวเซอร์ทางด้านหลัง เพื่อช่วยรีดอากาศ ในยามขับความเร็วสูง
ภายในปรับให้สปอร์ต
ก้าวเข้ามาภายในห้องโดยสาร Tesla model 3 Performance ปรับเปลี่ยนรายละเอียดเพียงนิดหน่อย เริ่มจากงานออกแบบเปลี่ยนชิ้นหน้าคอนโซลจากเดิม ตบแต่งด้วยผ้ายีน งวดนี้เป็นวัสดุเคฟล่าร์ น่าจะถูกใจสาวกสายซิ่งไม่น้อย
ไม่เพียงเท่าานี้ชุดเบาะยังถูกปรับปรุง เป็นทรวดทรง Bucket seat เพิ่มความสปอร์ตในห้องโดยสาร และยังช่วยยึดคุณไว้กับเบาะนั่งเวลาขับเร็วๆอรงได้ดีกว่าเดิมด้วย
ที่จริงเบาะนั่งตัวนี้ เรียกว่า ทำออกมาได้ดีในเรื่องความกระชับ แต่กับคนทั่วไปที่อาจจะมองหาในเรื่องความสบายเป็นหลัก ก็ต้องยอมรับตามตรงว่า ต้องปรับตัวกับมันสักหน่อย เนื่องจาก ปีกเบาะมีขนาดใหญ่โอบกระชับมาก จนบางทีก็อาจจะแอบรู้สึกอึดอัด ถ้านั่งขับแปปๆ ไม่เป็นไร แต่ถ้าคิดว่า ต้องมีการเดินทางไกลบ้าง อาจมีเหนื่อย
นอกนั้น รายละเอียดอื่นๆ เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ไปจาก รุ่น Long Range สักเท่าไร ไม่ว่า โดยเฉพาะพื้รที่ในการโดยสารตอนหลัง รวมถึง ยังไม่มีที่เท้าแขนมาให้ ผู้โดยสารตอนหลัง ขนาดชุดจอ ทั้งหน้าและหลัง เท่ากันทุกประการ
Model 3 Performance สมรรถนะที่มากกว่า
จุดเปลี่ยนสำคัญ ของเจ้า Tesla model 3 Performance หนีไม่พ้น สมรรนถะในการขับขี่ที่เร้าใจสุดขั้วเต็มอารมณ์ มากกว่ารุ่น Long Range
ตามข้อมูลจาก เทสล่า รถคันนี้มาพร้อมกำลังขับสูงสุด 460 แรงม้า จากระบบมอเตอร์คู่ เทสล่าเคลม ตัวเลข 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 3.1 วินาที และความเร็วปลาย ที่ทำได้สูงถึง 261 ก.ม./ช.ม.
นั่นทำให้ มันเหนือกว่ารุ่น Long Range พอสมควร ทั้งในแง่ อัตราเร่ง และความเร็วสูงสุด แบ่งชนชั้น ระหว่าง รถใช้งาน และรถพร้อมซิ่ง
แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่า ทันทีที่สัมผัส เราอาจจะไม่เห้นสมรรถนะอย่างชัดเจนในตอนแรก เนื่องจาก ทั้งหมด ถูกควบคุม ด้วยโหมดคันเร่ง มี 3 คือ ชิล , มาตรฐาน และอินเซน
โหมดสบาย จะเน้นการตอบสนองกลางๆ ซิ่งก็ได้ขับเรื่อยๆ ก้ดี ส่วนชิล เน้นไปที่การขับขี่สบาย กดย่ำแล้วรถก้ยังไม่ไป ขณะที่มาตรฐาน กดแรงบางทีหัวติดเบาะยังมีอยู่บ้าง ตามจังหวะของผู้ขับขี่
ถ้าอยากเห็นพลังขับจริงๆ ต้องเลือกโหมด Insane โหมด แทนคำว่าสปอร์ต ของเทสล่า เมื่อกด คันเร่งจะไวขึ้นมาทันที ไวจนกดนิดเดียว รถพร้อมทะยานหลังติดเบาะ
ผมเอง อดใจไม่ไหว ที่จะลองวัด อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. จากการทดลอง ในโหมดปกติ จะได้ตัวเลขที่ ราวๆ 4.5-4.6 วินาที อัตราเร่ง 80-120 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 2.6-2.7 วินาที ที่น่าตื่นเต้นที่สุด คือ อัตราเร่ง 0-160 ก.ม./ช.ม.
ใครไม่ทำ ridebuster ทำ ครับ ตัวเลขที่ออก คือ ราวๆ 10 วินาที เท่านั้น
แต่ถ้าคุณขับในโหมด Insane ตัวเลข ทั้ง จะเร็วขึ้นอีกราวๆ 0.5 วินาที
ทุกท่านครับ ตัวเลข 0-100 ในโหมด Insane อยู่ที่ ไม่ถึง 4 วินาที จากการทดสอบหลายรอบ มันได้ราวๆ 3.97-3.98 วินาที เท่านั้น ส่วน 0-160 ก.ม./ช.ม. ลดลงเหลือเพียง 9.7-9.8 วินาที เท่านั้น
ส่วนความเร็วปลาย จากที่ลองขับดู มันสามารถทำได้ราวๆ 262 ก.ม./ช.ม. บนความเร็ว GPS ถือเป็นความเร็วระดับเดียวกับรถสปอร์ต ราคา 4-5 ล้าน และมากวก่าบางรุ่น เนื่องจากปัจจุบัน หลายรุ่นมีการล๊อกความเร็ว ไว้ราวๆ 250 ก.ม./ชม.
การตอบสนองปรับได้
นอกจาก การปรับแต่งคันเร่งที่ทำได้เอง ผู้ขับขี่ ยังสามารถปรับ การตอบสนองอื่นของตัวรถได้ด้วย น่าจะเรียกว่า เป็นรถที่มีหลายสิ่งให้คุณเล่นมากมาย จนถูกใจสายชอบปรับแต่งเอง
อย่างแรก ก็คือพวงมาลัย ที่สามารถปรับได้ 3 ค่า คือ เบา , มาตรฐานและ สปอร์ต
ปกติแล้ว รถจะเซท ค่ามาตรฐานมาให้ พวงมาลัยจะรู้สึกมีน้ำหนักประมาณหนึ่ง แต่ยังไม่หนักมากจนเกินไปนัก อาการของพวงมาลัย จะถุกเซทให้มีความคม ตอบสนองเร็ว เวลาปรับทิศทางแม้เพียงนิดเดียว รถก็พร้อมตอบสนองในการขับขี่ทันอกทันใจ
พอกดโหมด พวงมาลัย สปอร์ต น้ำหนักจะมากขึ้น เหมาะสำหรับ เวลาขับรถทำความเร็ว จะรู้สึกมั่นใจกว่ามาตรฐาน
ที่ต้องระวัง และอยากเตือนทุกคนเลยนะครับ คือ การใช้โหมด “ชิล” โหมดนี้ตะเซทให้พวงมาลัย มีน้ำหนักเบา เป็นพิเศษ มันดีเวลาคุรขับรถเข้าเมือง ไม่ต้องมาสู้รบปรบมือ กับพวงมาลัยหนักๆ และเหมาะมาก สำหรับคุณผู้หญิงทั้งหลาย
แต่เทสล่า ไม่ได้ เซทให้พวงมาลัย ปรับลดความคมลง ผล คือ พวงมาลัย เบาแต่คม บางครั้ง เราเผลอ คัดพวงมาลัย เร็ว ด้วยน้ำหนักน้อยลง อาจทำให้เหวอได้ในหลายคราว โดยเฉพาะถ้าเริ่มใช้ความเร็วเดินทางอย่างน้อยที่สุด กลับมามาตรฐานดีกว่า
ไม่เพียงแค่พวงมาลัยที่ปรับได้ ตัว รถ Tesla Model 3 Performance ยังมาพร้อมกับ แชสซี ที่ปรับแต่งได้แต่ความจริงแล้ว สื่งที่มันปรัย น่าจะเป็นชุดโช๊ค Adaptive suspension ของดี ประจำรุ่น
ในค่ามาตรฐาน ที่ทางเทสล่า เซทไว้ ช่วงล่างไว้ค่อนข้างเฟิรืมขับขี่มัน้ใจ หากก็ยังนั่งสบาย การซับแรงๆม่ตึกตังกระแทกกระทั้นเกินไป ผู้ใหญ่นั่งได้สบายมาก ผมลองพาคุณแม่วัย 60 นั่งรถคันนี้ ขับใช้ความเร็วทั่วไป ท่านไม่บ่นว่ารถแข็งนั่งสบาย เป็นอันใช้ได้ สอบผ่าน
พอกด “สปอร์ต” รถจะเซทช่วงล่างมาติดแข็งและแน่นอขึ้น ช่วงยุบน้อยลง เพื่อให้ความมั่นใจมากขึ้น แต่สำหรับเมืองไทย เท่าที่ลองขับทั้ง 2 โหมด ส่วนตัวคิดว่าโหมดสปอร์ตไม่เหมาะ กับการใช้งานส่วนใหญ่ในถนนบ้านเราที่มี หลุม รอยต่อคอนกรีต และอุปสรรคอีกมากมาย ทำให้ ช่วงล่างกระแทกตึงตัง
ช่วงล่างแบบนี้เหมาะ เมื่อคุณทำความเร็วบนทางเรียบๆ อย่างมอเตอร์เวย์ ช่วงล่างแนวนี้ให้ความมั่นใจ ถุกใจขาซิ่ง
แต่ขับปกติ โหมด มาตรฐานถือว่าจบสุด กับการขับขี่ทั่วไป พร้อมซิ่ง และ ยั่งสบายในหนึ่งเดียว
พรีเซท ระดับเทพ ที่ยังไม่พบ ที่ไหนมาก่อน
อันที่จริง Tesla นำเสนอ Track Mode ในเจ้า Tesla model 3 Performance อย่างมาก ตั้งแต่เปิดตัว ซึ่ง โหมดสนามแข่งของเทสล่า พัมนา จนมาถึง ในเวอร์ชั่นที่ 3 แล้ว
ทว่า สิ่งที่แบรนดื แตกต่างจากรถยี่ห้ออื่น คือ ถ้าจะเข้าโหมดนี้ คุณต้องจอดรถกดเกียร์ P ก่อนทำการเซทเลือกค่า พรีเซท
ค่าพรีเซทโดยมาตรฐาน Tesla จะตั้งมาให้ 2 ค่ าคือ ค่า สนามแข่ง และ ดริฟท์ ที่เหลือ อยากได้อะไรแบบใด จัดการเอง แล้ว เซฟเก็บไว้เลย
เมื่อเข้ามาในโหมดนี้ ระบบ จะโชว์ ค่าความร้อน ของ มอเตอร์ แบตเตอร์รี่ และ ระบบเบรกเพิ่มเติม ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจว่า ระบบกำลังมีความร้อนระดับไหนในระหว่างการทำงาน โดยบอกค่าเป็นระดับต่างๆ อย่างชัดเจน นับว่าดีมากๆ เพราะ รถยนต์ไฟฟ้าสายซิ่งคันอื่น ยังไม่ทำแบบนี้
เท่าที่ลองเล่น โหมดสนามดู ค่าพรีเซทนี้ เหมาะกับสนามแข่งจริงๆ เพราะช่วงล่างจะแข็ง จนไม่เหมาะขับบนถนน พวงมาลัย ความรู้สึกเท่ากับโหมดสปอร์ต เท่าที่ลองเล่นดู ในถนนที่ปลอดภัย มันเป็นช่วงล่างเดียว ที่พอจะทำให้คุณรู้สึกยัดโค้งเร็วๆ ได้อย่างมั่นใจ จนผู้ยังรู้สึกว้าว
ในค่าพรีเซท ดริฟท์, ขอเตือนว่า ห้ามเล่นบนถนนเด็ดขาด ระบบ จะปิด ระบบควบคุมการทรงตัวแล้ว ทำการเซทค่า Bias มอเตอร์ ทำให้ หลังออกได้ง่ายขึ้น เอาแค่ คุณลอง กดคันเร่ง แรงๆ ออกจากซอย หักเลี้ยวไวๆ รถก็ม้วนแล้วครับ
ต้องบอกก่อนว่า ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ทุกสิ่งจะเกิดขึ้นไวมากการตอบสนอง ของเราเองก็ต้องเร็วตาม ขนาดผมเคยฝึกดริฟท์มาบ้าง มาลองในเจ้านี่ ยังบางที แอบคุมไม่อยู่ ดังนั้นถ้าจะลองเล่น แนะนำว่า ทำในสนาม คุณจะสนุกกับมันได้เต็ม และปลอดภัยกับทุกคน
ส่วนการเซทค่าเอง คุณสามารถเลือกตั้งค่าได้หลายอย่าง ทั้งการจะปิดระบบควบคุมการทรงตัว การ bias อาการของรถ ให้ท้ายปัด เฟี้ยวๆ สนุกๆ หรือ ต้องการให้รถขับมั่นใจ
การปรับแต่งแบบนี้ อาจมีในรถยี่ห้ออื่น แต่ ไม่ได้ละเอียดเท่านี้ สำหรับสายจูน น่าจะถูกใจ การปรับแต่งเหนือชั้นตัวนี้ ซึ่งผมเอง ยังหลงรัก
พลังเบรกมั่นใจ
นอกจากเรื่องของพลังและกาควบคุมแล้ว ชุดเบรกสมรรถนะสูงยังเป็นอีกอย่างที่ ให้มาในรถคันนี้ ปั้มเบรกขนาดใหญ่พร้อมปราบพยศฝูงม้า จัดเต็มความมั่นใจ อยู่พอสมควร
มิหนำซ้ำ ชุดปั้มยังเป็นแบบ monoblock ทำให้น้ำหนักเบรกแน่นเฟิร์มอยู่หมัด ทั้งในความเร็วต่ำและความเร็วสูง
อาการแป้นเบรก ไม่รู้สึกว่าไวเกินไป หรือช้าเกินไป แต่ก้ยอมรับตามตรงว่า ด้วยพลังเบรกต้องระวังให้ดี บางทีเราแตะนิดเดียวรถหยุดเร็ว คันหลังหากตามใกล้ไม่ทันสังเกตอาจตำท้ายเราได้
ด้วยเหตุนี้ เวลาเบรกแล้ว ลองเหลียวมองด้านหลังว่า เขาเบรกทันมั้ย ถ้าคิดว่าเบรกไม่ทัน รีบเร่งหนีเว้นระยะเพิ่มด่วนๆ เลยครับ
Tesla Model 3 Performance ครบรส อารมณ์ซิ่ง ราคาสุดคุ้ม
ผมมีเวลาอยู่กับ เทสล่ าโมเดล 3 รุ่นนี้ราวๆ 3 วัน และทุกครั้งที่ขึ้นขับ เจ้านี่ทำให้ผมประทับใจ โดยเฉพาะเรื่องสมรรถนะการขับขี่จัดเต็ม ในราคาที่ถูกกว่า รถสันดาปสมรรถนะเดียวกับ เกือบครึ่งต่อครึ่ง
ปกติแล้ว ตัวเลขสมรรถนะระดับนี้ คุณจะเป็นเจ้าของได้ ก็ต้องกำเงิน5-6 ล้านบาท รถบางรุ่นอาจสูงถึง นับสิบล้านบาท แต่ วันนี้ คุณซื้อได้ในราคา 2 ล้านบาท ไม่ชอบสิแปลก
เจ้าไฟฟ้า คันนี้ครบเครื่องเรื่องพลังขับ และสมรถรนะที่รองรับความบ้าพลังของมัน เซทมาอย่างลงตัวในทุกด้าน ผมไม่เคยรู้สึกว่า เทสล่า น่าซื้อ จนกระทั่งขับเจ้านี่
ความดีงามที่สุด คือ ช่วงล่างของมันที่ยังคงความนั่งสบาย เป็นรถใช้งานได้ทุกวัน แต่แรงเอาเรื่อง ใครอย่าแหยม โดนตบหน้าหงาย นี่ตลอด 3 วัน ผมก็มีขาซิ่งมาทักทาย เรียกว่า เล่นได้ไม่กลัวใคร จะมีก็พวก ซุปเปอร์คาร์ ที่อาจจะต้องยำเกรงเขาไว้บ้าง แต่ถ้ารถแต่ง ซิ่งสปอร์ตทั่วไป เจ้านี่แทบจะกวาดเรียบให้เพื่อนๆ สายถนนมีเรื่องคาใจ อยุ่เสมอ
สำหรับผม มันเป็นรถอีกคันที่เก็บไว้ในลิส ว่าควรมี จอดไว้ในโรงรถที่บ้าน แม้ว่าสิ่งที่ขาดเมื่อ เทียบกับบรรดาสปอร์ตสันดาป คือ จิตวิญญาณ อย่างเสียงเครื่องเร้าๆ เสียงท่อลั่นๆ อารมณ์ปุ้งปัง แล้วต่อเกียร์ แบบ พอล วอล์คเกอร์เข้าสิงห์
แต่ถ้าสิ่งนั้นไม่ใช่ เรื่องที่คุณถวิลหา คุณต้องการแค่รถแรงๆ สักคัน เอาไว้ฟัดกับทุกคนบนถนนได้ คันนี้คุ้มค่า เมื่อเทียบกับ ราคา และสมรรถนะที่ได้มา โคตรคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
อกกจากโชว์รูม คุณก็พร้อมเร้าใจได้ทันที
ข้อมูลตัวรถ จาก Tesla