เยอรมัน ถือเป็นประเทศที่มีตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สดในยุโรป และยังมีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของทวีป แต่จากข้อมูลล่าสุดกลับดูเหมือนว่าชาวเยอรมัน อาจไม่ได้สนใจที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากนักอย่างที่ควรเป็นในช่วงที่ผ่านมา
จากข้อมูลโดยหน่วยงานด้านคมนาคมขอประเทศเยอรมัน หรือ Federal Motor Transport Authority ระบุว่าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลถูกยื่นจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด 238,263 คัน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2023 อยู่ราวๆ -2.1%
ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือเมื่อแตกไปที่ชนิดของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ก็จะพบว่า มีรถยนต์เบนซิน ถูกจดทะเบียน 83,405 คัน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น +0.1%, ขณะที่รถยนต์ดีเซลก็มีการยื่นจดทะเบียน 43,107 คัน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น +1.4%, ตามด้วยรถยนต์ขุมกำลังก๊าซ LPG ที่มีการยื่นจด 1,078 คัน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น +8.8%, และท้ายสุดคือรถยนต์ขุมกำลังไฮบริด ทั้ง HEV/PHEV ถูกจดทะเบียนทั้งหมด 79,870 คัน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่า +18.4% เลยทีเดียว
และนั่นถือว่าเป็นการสวนทางกับรถยนต์ขุมกำลัง CNG ที่มีการยื่นจดทะเบียนเพียง 3 คันเท่านั้นในเดือนที่ผ่านมา ทำให้เท่ากับว่าเป็นยอดที่ลดลงถึง -98.6% และ แม้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนจะถูกนำมายื่นจดทะเบียนกว่า 30,762 คัน แต่ก็ถือว่าเป็้นตัวเลขที่น้ออยลงกว่าเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วอยู่กว่า -36.8% เลยทีเดียว
จากตัวเลขข้างต้น จะเห็นได้ว่าในขณะที่ยอดขายรถยนต์สันดาปภายใน ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ต่างอยู่ในช่วงทรงตัว มีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และในขณะเดียวกันรถยนต์ไฮบริดก็ได้รับความนิยมขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทว่ายอดการจดทะเบียนของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนกลับลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์เหล่านี้ในตลาดรวมลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งมีตัวเลข 20% เหลือ 12.9% เท่านั้นในเดือนที่ผ่านมา
แถมยังเป็นตัวเลขที่เกี่ยวเนื่องมาจากยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในไตรมาสแรกของปี 2024 ที่เยอรมัน ซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2023 อยู่ 16.4%
โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด แหล่งข้อมูลต้นทางก็ระบุว่าโดยหลักแล้วเกิดิจากการที่รัฐบาลประเทศเยอรมันได้มีการยุติมาตราการอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วในตอนนี้ ทำให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าแพงขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา และยังเป็นผลจากการขาดแคลนตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถจับต้องได้ง่าย(ราคาถูก)ในตลาดอีกด้วย
และไม่ใช่แค่ในประเทศเยอรมันเท่านั้น ที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจน้อยลง แต่ประเทศอื่นๆในยุโรปเอง ก็มีปัญหาที่คล้ายกัน
ไม่ว่าจะเป็น สวีเดน ซึ่งถือเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศแนวหน้าในการใช้นโยบายผลักดันให้ประชาชนให้มันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก็ยังมีการรายงานว่ายอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศตนเองช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ลดลงกว่า -15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
เช่นเดียวกันกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยอดการจดทะเบียนของรถยนต์ไฟฟ้าเองก็ลดลงกว่า -19% แม้ว่าประเทศแห่งนี้จะถูกยกแย่งว่าเป็นประเทศที่มีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆของโลกก็ตาม
และจากผลที่เกิดขึ้น จึงทำให้หลายผู้ผลิตต้องพิจารณาแผนการผันตัวไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนใหม่ โดยการยื้อระยะเวลาในการทำตลาดรถยนต์สันดาบภายในต่อไป รวมถึงปรับแผนการตลาดชุดใหญ่ อย่างเช่นในกรณีของ Volkswagen ที่อาจต้องสูญรายได้จากการขายรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปไปกว่า 2 ล้านล้านยูโร หรือราวๆ 77 ล้านล้านบาทในปีนี้ จากปัญหาความต้องการในตลาดที่ชะลอตัว และทำให้ค่ายต้องชะลอการก่อตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ และยังลดอัตราการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในโรงงานของตนเองลง
แม้กระทั่งทาง LG Energy Solution บริษัทผู้ผลิตและซัพพลายเออร์แบตเตอรี่ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปรายใหญ่ที่สุดยังต้องปรับแผนการผลิตและจัดเก็บสต็อคแบตเตอรี่สำหรับรอส่งมอบให้กับลูกค้าใหม่ เนื่องจากมีออเดอร์สั่งสินค้ามาจากลูกค้าน้อยลงนั่นเอง