นับตั้งแต่เผยโฉมเป็นครั้งแรกแบบชิมลาง จนกระทั่งเปิดตัวร่างพวงมาลัยขวา พร้อมประกาศรับจอง All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ก็ยังคงได้รับความสนใจจากชาวไทยอย่างต่อเนื่อง จนในงาน Motor Show 2023 ที่ผ่านมา มันสามารถกวาดยอดจองไปได้ถึง 845 คัน
All New GWM TANK 500 Hybrid SUV มาพร้อมกับนิยามประจำตัว “Nothing is Unreachable” หรือ “ไม่มีอะไรที่ไปถึงไม่ได้” โดดเด่นด้วยงานออกแบบที่เน้นผสมผสานระหว่างความหรูหรา จากชิ้นงานโครเมียมรอบคัน และความแข็งแกร่ง ตั้งแต่หัวจรดท้ายซึ่งล้วนเต็มไปด้วยความเหลี่ยมสัน และบึกบึน เสริมด้วยชุดล้อขอบ 20 นิ้ว
และที่กลางลำตัวรถ ยังมีการติดตั้งบันไดพับไฟฟ้า ที่จะเปิดออกมาเมื่อมีการเปิดประตู และจะพับกลับ เมื่อมีการปิดประตู ส่วนด้านท้าย แปลกตาด้วยประตูบานใหญ่ที่เป็นแบบเปิดบานออกด้านข้าง พร้อมติดตั้งล้ออะไหล่ และใช้ฝาครอบที่มีกล้องมองหลังฝังอยู่ในตัว
งานออกแบบภายในห้องโดยสาร ก็เน้นความพรีเมียมอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแนปป้า พร้อมระบบนวด และการปักลวดลายอย่างดี พร้อมกันนี้ยังมีการเจาะรู เพื่อระบายอากาศ และเป็นรูสำหรับพัดลมไฟฟ้าที่ซ้อนไว้ด้านในเพื่อคลายร้อน ซึ่งสีของเบาะนั่ง และการตกแต่งภายใน สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นสีน้ำเงินครีม หรือดำทั้งหมด ตามความต้องการของลูกค้า
ชุดคอนโซลกลางเน้นคุมโทนเนี๊ยบ ด้วยขอบชิ้นงานผิวอลูมิเนียม และแผงลายไม้ เสริมด้วยจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว สีสันคมชัด และจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 14.6 นิ้วตรงกลาง แล้วยังมีระบบแอร์รอบทิศทาง สำหรับผู้โดยสารทั้ง 3 แถว โดยที่ระบบแอร์สำหรับผู้นั่งในแถวสองยังเป็นแบบแยกฝั่ง ตามด้วยหลังคาแก้วขนาดใหญ่ เพื่อความโปร่งโล่งสบายในการนั่งโดยสาร
ไม่เพียงเท่านั้นตัวรถยังมีระบบอำนวยความสะดวกสบาย และช่วยเหลือผู้ขับอีก 20 กว่ารายการ ซึ่งกว่า 73% ของผู้ที่ให้ความสนใจในตัวรถรุ่นนี้ แล้วได้ตอบแบบสอบถาม ยอมรับว่าเทคโนโลยีการขับขี่ออฟโรดมีผลต่อการตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมาก
โดยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด ระบบล็อกเฟืองท้ายด้านหน้าและด้านหลัง และระบบบช่วยกลับรถในที่แคบ เป็นเทคโนโลยีออฟโรดที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด
และสิ่งที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุดในเรื่องรูปลักษณ์ของตัว All New GWM TANK 500 Hybrid SUV คือ ดีไซน์กระจังด้านหน้า การออกแบบและตกแต่งภายใน รวมไปถึงดีไซน์ของล้ออัลลอยและขนาดของล้อและยาง
โดยขุมกำลังของ All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตันเมตร
พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT แบบอัตโนมัติ 7 สปีด และทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถปรับได้ว่าจะให้เป็นแบบ Full-Time หรือ Partime เสริมสมรรถนะด้วยโหมดการขับขี่ให้เลือกปรับอีกถึง 11 รูปแบบ และยังมีโหมดย่อยสำหรับการใช้งานแบบออฟโรดอีกหลากหลาย เพื่อให้ระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ และระบบเบรกแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในทุกสภาพถนน
โดย All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO พร้อมตัวเลือกเฉดสีภายในและภายนอก คือ
- สีรถภายนอก : มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา แดง และสีใหม่ เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA)
- สีรถภายใน : สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA)
ทั้งนี้ ทาง GWM ยังไม่มีการเปิดเผยว่า ราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ TANK 500 ในไทย จะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่คาดว่าจะมีการประกาศภายในช่วงกลางเดือนหน้านี้แล้ว อย่างน้อยเพื่ออัพเดทข้อมูลให้กับเหล่าลูกค้าที่จับจองรถไปแล้วกว่า 845 คัน ได้รับทราบ รวมถึงลูกค้าท่านอื่นที่ยังคงรอการพิจารณาข้อมูลในส่วนนี้อยู่ก็ด้วย