แม้ชุดแต่ง “Mugen Group A” จะช่วยให้ตัวรถ Honda Civic Type R โมเดลล่าสุดมีความดุดันขึ้นกว่าเดิมมากแล้วในสายตาของใครหลายคน แต่เหล่าสาวกคงรู้กันดีว่าอันที่จริงทางสำนักยังมีชุดแต่งที่ถือเป็น “ก๊อกสอง” รอขายจริงอยู่ นั่นคือชุดแต่ง “Mugen Group B”
ชุดแต่ง “Honda Civic Type R – Mugen Group B” คือชุดแต่งเสริมหล่อ และเสริมสมรรถนะอีกหนึ่งแบบ ที่แท้จริงแล้ว ทางสำนักได้มีการเผยโฉมภาพและร่างต้นแบบให้ชาวโลกได้เห็นกันมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งในที่สุดก็ดูเหมือนว่าพวกเขาได้พร้อมแล้วที่จะเผยชุดแต่งเวอร์ชันขายจริงออกมาแล้วเร็วๆนี้ ที่งาน Tokyo Auto Salon 2525
โดยสำหรับความแตกต่างของชุดแต่ง Group B เมื่อเทียบกับชุดแต่ง Group A หลักๆแล้วก็จะอยู่ที่ การเน้นเสริมชิ้นส่วนตกแต่งเสริมสมรรถนะด้านหลักอากาศพลศาสตร์ให้เหนือกว่าเดิม จัดเต็มกว่าเดิมขึ้นมาอีกขั้น ทั้ง
- ชายล่างกันชนหน้า หรือสปอยเลอร์กันชนหน้าที่ใหญ่ และกว้างกว่าเดิม รวมถึงยังมาพร้อมกับช่องดักลมเป่าอินเตอร์คูลเลอร์ที่มีครีบใหญ่กว่าเดิม
- สเกิร์ตข้างตัวถังใหญ่ขึ้น เพื่อการลดลมหมุนวนใต้ท้องรถ และยังมาพร้อมกับครีบรีดอากาศออกจากหลังซุ้มล้อหน้าที่ใหญ่ขึ้น
- แก้มข้างตัวถังก้านหน้า มาพร้อมช่องรีดอากาศออกจากซุ้มล้อ
- ฝากระโปรงหน้างานคาร์บอน พร้อมช่องรีดอากาศออกจากห้องเครื่องแบบเต็มระบบ
- ครอบกระจกมองข้างพร้อมครีบรีดอากาศ (คล้ายครอบกระจกมองข้างของรถยนต์ BMW ตระกูล M หลายๆรุ่น)
- ชุดสเกิร์ตท้ายพร้อมครีบดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ และครีบรีดอากาศลักษณะเดียวกับด้านหน้า
- ลิปสปอยเลอร์หลัง ติดตั้งบนฝากระโปรงท้าย
นอกนั้นในด้านชิ้นส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวครอบกรอบช่องดักอากาศด้านข้างกันชนหน้า, ชุดล้อ BBS สีเงิน, สปอยเลอร์หลังทรงสูงขนาดใหญ่, ไฟท้ายแต่ง, และชุดท่อไอเสียแบบยกเส้นต่อจากเฮดเดอร์ลงมา ก็ล้วนอิงจากชุดแต่ง Group A อีกที ทั้งหมด ซึ่งอันที่จริงหากลูกค้าที่เคยซื้อของแต่งชุดนี้ไปอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องเบิกซ้ำ และไปเบิกชิ้นส่วนเสริมที่ถูกเพิ่มมาในชุด Group B แยกอีกทีได้เลย
ส่วนสิ่งที่ทางสำนักยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมา ก็คือเรื่องของราคาสำหรับการวางจำหน่ายจริง ซึ่งจะมีการประกาศอีกครั้งในเร็วๆนี้ โดยอาจเกิดขึ้นในงานเปิดตัวที่งาน Tokyo Auto Salon 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5 มกราคม นี้เลยก็เป็นได้
แต่เมื่อมองจากราคาของชุดแต่ง Group A แล้ว ก็เชื่อว่าคงอยู่ในชิ้นละหลักหมื่นขึ้นไปแน่นอน ซึ่งนี่ยังไม่รวมภาษีนำเข้ามาในประเทศไทย ทว่าหากคุณเป็นสาวก Mugen จริงๆ เชื่อว่ามันก็คงคุ้มค่าและน่าเก็บมากอยู่ดี เพราะคำว่า “ของมันต้องมี” นั่นเอง