Home » Honda HR-V e:HEV RS VS Nissan kicks e-Power VL ศึก SUV Hybrid ไซส์คนเมืองนิยม
ข่าวสารยานยนต์

Honda HR-V e:HEV RS VS Nissan kicks e-Power VL ศึก SUV Hybrid ไซส์คนเมืองนิยม

ป็นระยะเวลากว่า 2 ปี โดยประมาณ ที่ ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์คึกคักมากขึ้น ด้วยรถยนต์ Nissan kicks e-Power ล่าสุด ทางนิสสัน ต้องเจอมวยรุ่นใหญ่ อย่างฮอนด้า กลับเข้ามาสอย ด้วยรถ Honda HR-V e:HEV RS ที่พัฒนาตัวรถให้ตอบโจทยน์มากขึ้น ทั้งคู่มีความเหมือนกันในแง่ความใกล้เคียงขนาดตัวรถ

ในอีกแง่ Nissan kicks e-Power เป้นรถขายดี ยอดนิยมของคนญี่ปุ่น จนส่งออกแทยไม่ทัน ขณะที่ Honda HR-V e:HEV เป็นรถยอดนิยมคนไทย เปิดตัวมาเดือนกว่า กวาดยอดไปมากกว่าที่จนแม้แต่ทาง ฮอนด้า ยังอดปราบปลื้มไม่ได้

วันนี้เราจะมาจับทั้งคู่ลองประชันดูความคุ้มค่า ความเหมือนที่แตกต่าง จนคุณอาจคาดไม่ถึง

สปอร์ตเหมือนกัน ต่างที่ตัวตน

ด้วยความเป็นรถอเนกประสงค์ในกลุ่ม B-SUV ทำให้รถทั้ง 2 รุ่น ดูละม้ายคล้ายกันในแง่การออกแบบมุ่งเน้นมาในความสปอร์ต

เจ้าเก่า Nissan kicks ได้หน้าตาใหม่ไฉไลกว่าเดิมเยอะ จากที่เคยนำเสนอในทางอเมริกา หน้าตานี้เป็นหน้าตาบ่งความเป็นวัยรุ่นมากๆ ทีมออกแบบให้นิยมว่า มันเหมือนรองเท้าวิ่งได้ มีความสปอร์ต สะดวกสบาย และมีสง่าราศีในการใช้งาน

ด้วยหน้าตา V Motion แบบใหม่ ให้กระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟท้ายที่ดูเป้นทรงบูมเมอร์แรงหยิบเอาของพี่ชาย Nissan X-Trail มาใช้ ติดตั้งล้ออัลลลอยขอบ 17 นิ้ว ตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งกว่านั้น ยังมีสีให้เลือกหลายสีสันมากมาย ทั้งสีพื้นไปจนถึงสีแสบสัน เหลือง ส้ม แดง แม้กระทั่งทูโทน ก็มีมาให้เลือกเช่นกัน

ความเหมือนกันตั้งแต่รุ่นเริม่ต้นยันรุ่นท๊อปภายนอก ทำให้ลูกค้าบางคนไม่ค่อยปลื้มนัก มันเหมือนกันเกินไปไม่มีความแตกต่างอย่างที่ควรจะเป็น

ฝั่ง ฮอนด้า ทีมออกแบบใช้แนวทางใหม่ในการปรับเปลี่ยนรูปรถ จากรุ่นเดิมมาสู่รุ่นใหม่ เรียกว่า ราวกับเดินกันมาคนละทาง กลิ่นอายเดียวที่ยังอยู่ คงเป็นความรู้สึกหรูหราทันสมัย ดูน่าใช้งานตั้งแต่หัวจรดท้าย งวดนี้ใส่ความสปอร์ต ด้วยท้ายแบบ Coupe Like ยังคงเอกลักษณ์เก็บมือเปิด

ในรุ่น RS เสริมความพิเศษ ด้วยความสปอร์ตตั้งแต่ด้านหน้า จรดด้านท้าย ให้ล้อ 18 นิ้ว หลังคากระจก ชุดแต่งรอบคัน กระจังหน้าพิเศษ เฉพาะรุ่น รวมๆ ทำให้มันดูมีความน่าใช้งาน มากขึ้นกว่ารุ่นปกติ รวมถึงมีฟังชั่นฝาท้ายไฟฟ้ามาด้วย ช่วยเพิ่มความน่าใช้งานอีกต่างหาก

ส่วนตัว ถ้าให้คะแนนความหรูหรา ยอมรับว่า Honda HR-V ดูดีกว่ามาก ในแง่นี้ แต่ประเด็นอยู่ที่ มีตัวเลือกสีไม่เยอะมาก ยังคงอะไรเดิมๆ จำเจ ฟังน่าเบื่อ

กลับกัน นิสสัน ออกมาในทางโทนสปอร์ตทันสมัย ดู ชิคๆ แหวกแนว คล้ายพี่ชาย Nissan juke ในอดีต

วัดขนาด ไม่ต่างกันมาก …

ดูทรวดทรงกันเบื้องต้น บางคนอาจบอกว่า รถมองว่า รถมันคนละขนาดหรือเปล่า ที่จริงแล้วเปล่าเลย มันคือรถกลุ่มเดียวกัน

Honda HR-V RS มีขนาดมิติตัวถังดังนี้

  • ยาว 4385 มม. (4,330 มม. ในรุ่น E/EL)
  • กว้าง 1,790 มม.
  • สูง 1,590 มม.
  • ฐานล้อ ยาว 2,610 มม.
  • ความสูงจากพื้นถึงท้องรถ 196 มม.

Nissan kicks e-Power VL มีขนาด

  • ยาว 4,290 มม.
  • กว้าง 1,760 มม.
  • สูง 1,615 มม.
  • ระยะฐานล้อยาว 2,615 มม.
  • ความสูงจาก พื้นถึงท้องรถ 175 มม.

ทั้งหมด ชี้ว่า Honda HR-V มีความยาวและความกว้างมากกว่า พอสมควร โดยมันยาวกว่า 40 มม.​(ในรุ่น E/EL) กว้างกว่า นิสสัน คิกส์ 30 มม.

ในทางกลับกัน นิสสัน ได้เรื่องความสูงของห้องโดยสารที่มากกว่า 25 มม.​ฐานล้อ ยาวกว่า 5 มม. และการความเป็นอเนกประสงค์คนเมืองก้าว ขึ้น-ลง ง่ายไม่ลำบาก ด้วยความสูงตัวรถจากพื้นเตี้ยกว่า 21 มม. ช่วยให้รถมีความมั่นใจมากขึ้นในการขับขี่ด้วยอีกทาง

ห้องโดยสารแนวคิดคล้ายกัน แต่นิสสันมีดีกว่า

เอาล่ะได้เวลามาดูห้องโดยสาร ก่อนอื่น ต้องบอกว่า Honda HR-V นั้นมีดีในแง่การเอาความหรูหรา มาป่นใส่ไปในรถรุ่นนี้

งานออกแบบภาพรวมเวอร์ชั่นไทย บางคนอาจจะมองว่า มันเหมือนการจับ​ซิตี้คาร์มายำใหญ่ใส่ลงไป ไม่ว่าจะหน้าจอเรือนไมล์ ยกมาจาก Honda City e:HEV รวมถึงเครื่องเสียง Advance Touch ขนาด 8 นิ้ว ด้วย

ยังดีที่ฮอนด้ายังให้ ระบบเบาะนั่งไฟฟ้าฝั่งคนขับในรุ่น RS ท่านั่งค่อนข้างสูง แม้ปรับเตียสุด ทำให้มันเป็นรถที่เป็นมิตรกับผู้หญิงทั้งหลายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ส่วนที่ดีของรถคันนี้ คือ ลูกเล่น จุกจิกในห้องโดยสารที่มาให้ เช่นช่องแอร์หลัง ระบบปรับอาากศ ที่มีฮีทเตอร์ รวมถึงฟังชั่นกระจายแรงลม จนยังต้องถามว่าช่องแอร์หลังยังจำเป็นใช่ไหม

เบาะนั่งหลังเอง ก็มีกีไม่น้อย ที่วางขวดน้ำใกล้มือหยิบสะดวก ที่เท้าแขน รวมถึงฟังชั่นสำคัญ​เบาะนั่งหลัง Ultra Seat ช่วยให้ความสะดวกในการใช้งาน

ทำให้ห้องโดยสาร Honda HR-V ใหม่ ค่อนข้างครบครัน แม้ว่าจะโดนกระแสตีโต้ว่า เอาของจาก อีโค่คาร์มาใส่ก็ตามที

ฝั่ง Nissan kicks จะว่าไปก็ทำนองคล้ายๆ กัน ข้าวของหลายคนอย่าง คุ้นชินกับ Nissan Almera อีโค่คาร์ซีดานของค่าย โดยเฉพาะเรือนไมล์จากเรียกว่า มาเหมือนกันเลยก็ได้ จอเครื่องเสียงให้ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play เช่นกัน

แถมเทียบรุ่นต่อรุ่นฟังชั่นภายใน ก็จะแอบเขินๆ นิด ตรง เบาะนั่งยังเป็นปรับมือทั้งหมด แม้จะในรุ่นท๊อป ก็ตาม ระบบปรับอากาศ​เป็นแอร์ออโต้ แต่ไม่มีฮีทเตอร์ และพัดลมแอร์ก็แรงใช้ได้ เล่นเอาหนาวเหมือนกันเวลาขับนานๆ

ส่วนด้านหลัง พื้นที่โดยสาร มีขนาดกว้างกว่าพอรู้สึกได้ แต่ขาดที่แท้แขน ซึ่งถ้ามีจะดีมากๆ ยังเป็นอะไรที่เราอยากเห็นให้นิสสันเติมเข้ามา ตัวเบาะพับได้ 60/40 ช่วยให้ฟังชั่นน่าสนใจมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ คิดไม่มีดี อันที่จริง จากที่ลองขับรถมาแล้วทั้ง 2 รุ่น ต้องบอกว่า Nissan kicks มีดีที่ความโปร่งของห้องโดยสาร รู้สึกไม่เตี้ยอึดอัด กระจกบ้านหน้าขนาดใหญ่ไม่แคบ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งกว่าฮอนด้า ที่ดูมีความทึบอยู่บ้าง

นอกจากนี้ สำหรับใครชอบความแปลก ยังมีห้องโดยสารสีส้ม-ดำ ให้ลูกค้าเลือกจับจ่าย ถ้าต้องการ และตัวเบาะนั่งค่อนข้า่งมีขนาดใหญ่นั่งสบายกับการเดินทางไกล

ถ้าถามว่าส่วนที่ของ นิสสัน คงเป็นคุณภาพการโดยสารและความโปร่งโล่งสบายในการเดินทาง กลับกันฮอนด้าทำให้คู่รู้สึกกระชับในการขับขี่ เวลาเราขับ

เรื่องสมรรถนะล่ะ

ทางด้านสมรรถนะการขับขี่ ทั้งคู่เกิดมาเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริดเหมือนกัน มีความเหมือนที่แตกต่างอยุ่ในตัว จนหลายคนอาจไม่สังเกตมาก่อน

ทางฝั่งนิสสัน แนะนำระบบขับเคลื่อน อีพาวเวอร์ แม้ว่าสังคมจะค่อนขอดกับคำพูดว่า “รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องชาร์จ” ในช่วงแรก และนิสสันยังกังวลว่า คนจะไม่เข้าใจอีพาวเวอร์

แต่ถ้าพูดในหลักการ มันก็คือระบบไฮบริดแบบหนึ่งที่ใช้ เครื่องยนต์ทำงานจ่ายพลังไประบบแบตเตอร์รี่เพื่อ ให้พลังไฟฟ้ากับมอเตอร์ขับ

กลับกัน ระบบของฮอนด้า ถ้าอ่านจนปรุ จะทราบดีว่าแนวคิดระบบคล้ายกัน ต่างตรงที่ ระบบของฮอนด้ามีฟังชั่นที่สามารถนำเครื่องยนต์ ไปขับตรงลงล้อได้ในบางมุมที่ต้องการ เช่นยามต้องการอัตราเร่งมากๆ ระบบ จะใช้เครื่องยนต์ขับตรงเลยจบๆ ไป ดีกว่า

ตารางเทียบ รายละเอียดการขับเคลื่อน

Honda HR-V e:HEV RSNissan Kicks e-Power VL
ขนาดเครื่องยนต์4 สูบ 1.5 ลิตร3 สูบ 1.2 ลิตร
กำลัง105 ps 6,000-6,400 rpm79 PS/6,000 rpm
แรงบิด127 Nm 4,500-5,000 rpm103 NM / 3,600-5,200 rpm
กำลังมอเตอร์131 ps 4,000-8,000 rpm129 ps /4,000-8,992 rpm
แรงบิดสูงสุด มอเตอร์253 NM 0-3,500 rpm260 NM 500-3,008 rpm
น้ำหนักเปล่าตัวรถ1,407 กก.1,350 กก.

เมื่อมองกำลังขับ ทั้งคู่มีกำลังขับใกล้เคียงกันมาก นิสสัน ได้แรงบิดมากกว่า แต่กลับกัน ฮอนด้าก็ให้กำลังแรงม้าสูงกว่า นิดหน่อย รวมถึง การตอบสนองมอเตอร์ ก็ไมต่างกัน

แต่ในความจริง นิสสัน กลับจี๊ดจ๊าดกว่า เนื่องจากรถเบากว่า 57 กก. ถ้าในรุ่น EL นิสสัน ก็ยังเบากว่าราวๆ 25 กก.​เช่นกัน ขณะที่ฮอนด้าตัดสินใจล็อกความเร็วสูงสุดที่ 173 ก.ม./ช.ม.​นิสสัน ล็อกที่ 160 ก.ม./ช.ม.

แม้ว่าบางคนจะมองว่าก็ไม่มีผลกับการใช้งานทั่วไป แต่ในบางโอกาส ที่คุณเร่งรีบความเร็วสูงสุด อาจช่วยให้คุณไปทันเวลา ก็เป็นไปได้

แต่นิสัสน มีทีเด็ดดีกว่า ฮอนด้า 2 อย่าง คือ

1. โหมด EV ที่สามารถเลือกใช้ได้ เอาไว้ขับสั้นๆ แถวบ้าน เราเคยทำได้ไกลสุด 2.3 กิโลเมตรที่ความเร้ว 60-70 ก.ม./ช.ม. และมากกว่านี้ถ้าขับในความเร็วต่ำๆ
2.ระบบ One Pedal ช่วยในการใช้คันเร่งควบคุมรถ หากฝึกดีๆ จะเป็นประโยชนืมากในการขับขี่ในเมือง

เรื่องโหมดการขับขี่ ทั้งคู่เหมือนกัน

ฮอนด้า จะเป็น Econ / Normal / Sport
นิสสัน จะเป็น Eco/Normal/Smart โดยระบบ One Pedal ทำงานในโหมด Smart และ Eco

ช่วงล่างเซทคล้าย แต่ฮอนด้าฟิตปั๋งกว่า

นอกจากการขับเคลื่อนแล้ว อีกส่วนที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ในรถอเนกประสงค์ ก็คือ ระบบกันสะเทือน ทั้งคู่ยังใช้ระบบกันสะเทือนแบบด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม เหมือนกัน

Honda HR-V e:Hev RS แตกต่างตรง มันมีการเซทช่วงล่าง จากรุ่น EL เพื่อตอบสนองสายขับซิ่งชอบขับเร็ว บุคคลิกอาจแตกต่างจากรุ่น EL หรือ E อาการของมั่นค่อนข้างจะกระแทกสะเทือน แต่เป็นช่วงล่างมั่นใจ ตอบสนองเร็ว ค่อนข้างเก็บอาการถนนมากไปนิดในความรู้สึกส่วนตัว

ยามโดยสารอาจรู้สึกว่าแข็งสะเทือนบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรกับ เจ้ารถอเนกประสงค์คันนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากล้อ 18 ของมันด้วย

ในทางกลับกัน นิสสัน ไม่มีการเซทช่วงล่างล้อและยางพิเศษอะไรใสแต่ละรุ่น แทบจะเรียกว่า เซทติ้งเหมือนกันทุกอย่าง ตั้งแต่รุ่นล่างจนถึงรุ่นบน ถ้าเปรียบเทียบกัน กลับรู้สึกว่าช่วงล่างนิสสันสบายกว่าเยอะ และพอจะบู้ได้อยู่พอสมควร ถ้าจำเป็น

ถ้าถามว่าผมชอบ ช่วงล่างคันไหนมากกว่า ตอบตรงๆว่า ชอบช่วงล่างนิสสันมากกว่า ความจริงเราไม่มีใครขับรถเร็วทุกวันที่สตาร์ทรถออกจากบ้าน จริงไหม

ความปลอดภัยก็มี …อำนวยความสะดวกก็มา แต่ลูกเล่น ดูนิสสันจะเยอะกว่า

แน่นอน รถสมัยนี้ ไม่มีเพียงแค่ล้อยาง เกียร์พวงมาลัย มันต้องมีความปลอดภัยด้วย

ฮอนด้าเดินหน้าเกมให้ Honda Sensing ลูกค้า มีระบบต่างๆที่จำเป็นมากมาย อาทิ

  • ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยเบรก
  • ระบบช่วยควบคุมรถอยู่ในช่องทางเดินรถ
  • ระบบเตือนและช้วยควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทางเดินรถ
  • ระบบไฟสูงอัตโนทมัติ
  • ระบบความคุมความเร้วอัจฉริยะและ ระบบขับตามรถคันหน้าในความเร็วต่ำ
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่

และยังมีลูกเล่น อย่าง กล้องมองหลังปรับ 3 ระดับ , ระบบ Honda Lane Watch และระบบ ไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน

สำหรับทางฝั่ง นิสสัน ไม่ใช่ ไม่มีของขาด แค่มันไม่ได้รู้สึกหวือหวามากก็เท่านั้นเอง ระบบของนิสสัน เรียกว่า Nissan Intelligent Safety ประกอบด้วย

  • ระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (ทำงานร่วมกับระบบช่วยเตือน)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ (ทำงานความเร็วต่ำได้ แต่ออกตัวเองไม่ได้ ต้องเซทใหม่)
  • ระบบเตือนมุมอับสายตา
  • ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะถอยหลัง
  • ระบบกล้องรอบคัน
  • ระบบตวจจับวัตถุรอบรถ
  • ระบบกล้อง 360 องศา
  • ระบบเตือนความเหนื่อยล้าผู้ขับขี่

และล่าสุดทางนิสสันใส่ระบบ intelligent rearview miror มาให้ด้วยในออพชั่นตัวใหม่ ซึ่งถือว่าให้ความครบครันในการใช้งาน ไม่แพ้กัน

แต่ถ้าเรื่องจำนวนถุงลมภายในรถ ช่วยปกป้องผู้โดยสาร จากอุบัติเหตุ ฮอนด้า จัดเต็มมาตั้งแต่ตัวเริ่มต้น มีทั้งคู่หน้า ด้านข้าง, ม่านนิรภัย ครบเซท

สรุป Honda Hr-v e:HEV RS VS Nissan kicks e-Power VL คิกส์ได้คุ้ม ฮอนด้าได้ใหม่แกะกล่อง

หลังจากผมใช้เวลานานในการทบทวนข้อมุลรถทั้ง 2 รวมถึงความรู้สึกจากการขับขี่ เรียกว่าเป็นโจทย์ที่เลือกยากจริงๆ ถ้าต้องตัดสินใจ

ในมุมเรา นิสสัน คิกส์ ก็เหมือน นิสสัน ในหลายๆ รุ่น เป็นรถที่มาพร้อมความคุ้มค่ามีออพชั่นครบเครื่องครบครัน ในราคาค่อนข้างเป็นมิตรกับงบประมาณในกระเป๋ามากกกว่า

ส่วนฮอนด้า ในงวดนี้ Honda HR-V ได้ความเป็นรถใหม่ ไม่เหมือนนิสสัน ที่เป็นการเอา รถไมเนอร์เชนจ์ มาปรับปรุงต่อยอด

รวมถึงการตอบสนองที่ดีกว่า จากระบบไฮบริดแบบใหม่ ที่สามารถทำงานได้หลายโหมดด้วย ฮอนด้าดูจะพุ่งที่คุรภาพในการโดยสาร และฟังชั่นในขับขี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฮอนด้าถนัด จนกลายเป็นหนึ่งรถอเนกประสงค์ที่มีดี ไม่ว่าคุณจะขับ หรือนั่ง

Nissan kicks นอกจากราคา สมรรถนะในการขับขี่ก็มีดีไม่ต่างจากฮอนด้า แค่ขาดของเล่น แต่ช่วงล่างนั่งสบายกว่า เป็นรถในแบบกลางๆที่หลายคนจะชอบ

น่าเสียดาย ที่จากที่ลองขับทั้งคู่ ต้องยอมรับว่าภาพรวม ฮอนด้า ดูประหยัดกว่า สามารถทำอัตราประหยัดได้ 17-18 ก.ม./ลิตร ทั้งการขับในเมืองและนอกเมือง

ด้านนิสสัน ดูจะเน้นที่การขับขี่ในเมืองมากกว่า ในเมืองท่ามกลางรถติด นิสสัน ทำได้ 19. ก.ม./ลิตร โดยประมาณ และถ้าบาทาเบาอาจทำได้ดีกว่านี้ แต่พอนอกเมือง จากที่ขับด้วยความเร็ว 100-120ก.ม./ช.ม ทำได้ราวๆ 16.69 ก.ม./ลิตร ต้องยอมรับว่าค่อนข้างน้อยไปนิด ในความเป็นจริง

เอาเป็นว่าคู่นี้ ชอบคันไหนไปคันนั้น ดีเหมือนกันไม่แตกต่าง มาก ถ้าเอาคุ้มนิสสัน เอาใหม่ดูดี ประหยัดน้ำมันอีกนิด ฮอนด้า คือคำตอบ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*