ย้อนไปช่วงปีก่อน Honda ได้มีการประกาศแผนงานที่จะยกเลิกการขายยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และหันไปขายแต่ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า 100% เท่านั้น ภายในปี 2040 แต่ผ่านไปเพียงไม่นาน ดูเหมือนเราอาจต้องอัพเดทข้อมูลกันใหม่เสียแล้ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นการเปิดเผยข้อมูลของ Toshihiro Mibe ผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริหารสูงสุดของ Honda ในปัจจุบัน กับสื่อดังฯอย่าง Reuters ที่ระบุว่า แม้ในตอนนี้หลายๆประเทศ (โดยเฉพาะในทวีปยุโรป) จะมีการประกาศนโยบายแบนการห้ามใช้ยานพาหนะขุมกำลังแบบที่ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวแล้วก็ตาม
แต่หลังการศึกษาข้อมูลแนวโน้มและทิศทางการตลาดในอนาคต ทางบริษัทมองว่ามันมีความเป็นไปได้ที่เครื่องยนต์สันดาปภายใน จะยังคงได้ถูกพัฒนาและมีความต้องการที่จะถูกใช้งานกันอยู่ จนพ้นปี 2040 โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์(หรือรถมอเตอร์ไซค์)สมรรถนะสูง, รถขนส่ง, และอากาศยาน ที่การใช้เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอาจไม่เหมาะที่จะถูกนำไปใช้งานร่วมด้วยเท่าไหร่นัก
โดยมีตัวแปรสำคัญคือเทคโนโลยีน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์ หรือ e-Fuel ที่กำลังถูกพัฒนาโดยหลายๆบริษัทอยู่ในตอนนี้ ซึ่งหากประสบความสำเร็จ มันอาจทำให้ขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน มีการปล่อยมลพิษสู่โลกจากการใช้งาน ออกมาน้อยมาก จนแทบไม่ต่างจากยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า 100% กันเลยทีเดียว
แต่ถึงแม้ Mibe จะได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหัวหอกทีมพัฒนาเครื่องยนต์ของ Honda มากว่า 30 ปี ทว่าเจ้าตัวก็ยังให้การยืนยันว่า เขาจะแยกความหลงไหลส่วนตัวออกไป และเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทเท่านั้น
นั่นคือจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนายานพาหนะพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และฟิวเซลล์ เป็นหลัก สำหรับการเดินทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต ดังเป้าหมายเดิมของบริษัท ที่ตั้งใจจะขายยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ให้ได้มากกว่า 40% จากยอดขายทั้งหมดของบริษัท ให้ได้ภายในปี 2030
นอกจากนี้ ทางบริษัท ยังเตรียมที่จะตั้งบริษัทสำหรับพัฒนายานพาหนะไฟฟ้า และพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ แยกออกมาอีก ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แถมยังมีการจับมือกับบริษัท LG Energy Solution เพื่อตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในสหรัฐอเมริกา ภายในปี 2025
และยังมีการเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มยานพาหนะไฟฟ้าสำหรับวางจำหน่ายในปี 2026 เอาไว้อีก ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีว่า พวกเขายังไม่ได้ลดหย่อนความจริงจังในการรุกตลาดยานยนจ์ไฟฟ้าให้น้อยลง เพียงแต่จะไม่มีการตัดทางเลือกอื่นที่น่าสนใจและเป็นไปได้เหมือนที่เคยเกริ่นไว้ก่อนหน้านี้ก็เท่านั้น