นับตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา หลายฝ่ายต่างจับตามองการควบรวมกิจการระหว่าง Honda และ Nissan กันอย่างต่อเนื่อง โดยแม้ทั้งสองฝ่ายจะระบุว่าพวกเขา จะมีการจัดงานแถลงข่าวอัพเดทความเคลื่อนไหวในการควบรวมกันภายในสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ล่าสุดกลายเป็นว่ามันกลับยังไม่เกิดขึ้นเสียอย่างนั้น

จากการเปิดเผยข้อมูลโดยอดีตผู้บริหารสูงสุดของ Renault และ Honda อย่างนาย Carlos Ghosn ระบุว่าการเข้าควบรวมกิจการระหว่างทั้งสองบริษัทครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยความสมัครใจของ Honda แต่เป็นเพราะทาง “กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม” ของประเทศญี่ปุ่น กดดันให้พวกเขาต้องเข้าไปช่วยเหลือทาง Nissan
แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าทาง Honda จะยอมทำกันง่ายๆ เพราะทางผู้บริหารก็ยืนยันชัดเจนว่าทาง Nissan ก็ควรที่จะต้องสามารถกู้วิกฤตขั้นต้นของตนเองให้ได้ก่อน ทั้งในส่วนของการบริหาร และด้านการเงิน
“การควบรวมกิจการกันจะไม่เกิดขึ้น หาก Nissan และ Honda ไม่เป็นบริษัทที่ต่างก็สามารถยืนด้วยขาตนเองได้แต่แรก” Toshihiro Mibe ประธานและผู้บริหารสูงสุดของ Honda กล่าว
และแม้จะไม่มีการระบุสาเหตุใดๆ แต่ล่าสุดทั้ง Honda และ Nissan ก็ได้มีการประกาศเลื่อนงานแถลงข่าวอัพเดทความเคลื่อนไหวในการควบรวมกันของทั้งสองบริษัทออกไป จากที่วางแผนไว้ว่าจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม ให้กลายเป็นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้แทน โดยคาดว่าจะเกิดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจยังไม่พร้อมชี้แจงความต้องการหรือแผนงานขั้นต้นในการควบรวมกิจการครั้งนี้ของตนเองได้ทันกำหนดเดิม
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ของสื่อญี่ปุ่น Kyodo News ระบุว่าแม้ Nissan ได้มีการประกาศลดจำนวนบุคลากรทั่วโลกลงกว่า 9,000 ตำแหน่ง ทำให้ขนาดองค์กรลดลงกว่า 20% และยังมีการเสนอโครงการจ้างออกให้กับพนักงานใน 3 โรงงานที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่ทาง Honda ก็ยังคงไม่มั่นใจในการที่จะต้องควบรวมกิจการครั้งนี้ และต้องการให้ Nissan มีการปรับผังการบริหารและการดำเนินงานใหม่มากกว่านี้อีก โดยเฉพาะในเรื่องของการลดต้นทุนจากการบริหารงานที่ดุดันชัดเจนมากขึ้น จึงจะพูดคุยเรื่องการควบรวมกันในลำดับถัดไป
ส่วนอีกหนึ่งบริษัท ที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการครั้งนี้ ก็คือ Mitsubishi ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น Nissan ซึ่งทาง “มิตซูฯ” ก็ระบุไว้เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า เบื้องต้น ตนเองไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการควบรวมกิจการกันครั้งนี้ และต้องการจะกลายเป็นบริษัทแยกเดี่ยวๆต่อไป (โดยยังคงมี Nissan เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เท่านั้นดังเดิม) แต่ทางค่ายจะมีการแถลงทิศทางการตัดสินใจขั้นส่วนท้ายอีกครั้งภายในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
ไม่ใช่แค่การลดต้นทุนด้านงานบริหารเท่านั้น แต่ความยากลำบากของ Nissan ที่จะต้องปรับตัวให้ตรงกับความต้องการของทาง Honda ภายในช่วงกลางปี 2026 ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายการควบรวมกัน ยังมีเรื่องที่หนักหนากว่านั้นอีก
นั่นคือการที่พวกเขาจะต้องทำเงินเข้าบริษัทให้ได้กว่า 400,000 ล้านเยน หรือราวๆ 87,000 ล้านบาท ให้ได้ภายในปี 2026 ตามการประเมินของ Honda
ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกับเม็ดเงินที่ Nissan ทำได้ในปีงบประมาณ 2023-2024 ที่ผ่านมาอย่างมาก เพราะพึ่งจะลดลงจาก 336,700 ล้านเยน หรือราวๆ 73,498 ล้านบาท เหลือ 32,900 ล้านเยน หรือราวๆ 7,181 ล้านบาท เท่านั้น และผลกำไรสุทธิในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ยังลดลงกว่า 93.5%