เป็นที่ทราบกันดีว่าในตลอดหลายปีที่ผ่านมา Nissan มีความพยายามที่จะค่อยๆตีตัวออกห่างจาก Renault อยู่เสมอ แต่บางทีมันอาจจะยังช้าเกินไป หรือเร็วไม่พอในสายตา Honda
เพราะอย่างที่ทุกท่านทราบกัน ว่าในอีกไม่กี่เดือนหน้าข้างนี้ ทาง Nissan ได้มีแผนงานที่จะเข้าไปควบรวมกิจการกับทาง Honda เพื่อเป็นการผนึกกำลังของทั้งสองแบรนด์ให้เป็นหนึ่งเดียว และเป็นการกู้วิกฤตด้านการเงินและการบริหารงานต่างๆของ Nissan ให้อยู่ในสภาพคล่องอีกครั้ง
แต่นอกจากความต้องการของ Honda ที่อยากจะให้ Nissan สามารถกลับมายืนได้ตนเองประมาณหนึ่งก่อน ก่อนที่จะทำสัญญาร่วมกัน จากการรายงานข้อมูลเบื้องต้น โดย Bloomberg ระบุว่าทาง Honda ยังมีความกังวลในอีกเรื่องหนึ่งว่าหาก Renault ยังเป็นผู้ถือหุ้นของ Nissan ต่อไป การบริหารงานต่างๆเมื่อเกิดการควบรวมกันระหว่างสองผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น อาจถูกแทรกแทรงโดยบริษัทผู้ผลิตสัญชาติฝรั่งเศสนี้ได้
โดยในปัจจุบัน Renault มีสัดส่วนการถือหุ้นบริษัทของ Nissan อยู่มากถึง 35.7% ด้วยมูลค่ารวมกับ 3,600 ล้านดอลล่าร์ หรือราวๆ 124,000 ล้านบาท และด้วยสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทมากกว่า 1 ใน 3 จึงทำให้ทางบริษัทผู้ผลิตสัญชาติฝรั่งเศสรายนี้ สามารถมีสิทธิ์ในการโหวตนโยบายต่างๆในการบริหารของบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอยู่
นอกจากนี้ในการหารือร่วมกันระหว่าง Honda และ Nissan ครั้งที่ผ่านมาๆ ทาง Renault ที่ควรจะส่งตัวแทนมาร่วมกันเจรจาด้วย ก็ไม่ได้เข้าร่วม จึงทำให้ทาง Nissan ไม่สามารถตัดสินใจเงื่อนไขต่างๆในการควบรวมกิจการกับ Honda ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นทาง Honda จึงมองว่า Nissan ควรรีบถอนหุ้นคืนจาก Renault เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่เงินในมือของ Nissan มีแค่เพียง 9,800 ล้านดอลล่าร์ หรือราวๆ 337,000 ล้านบาท เท่านั้น ในช่วงสิ้นปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งด้วยเม็ดเงินที่ต้องซื้อหุ้นคืนจาก Renault ที่มากกว่าเงินที่บริษัทมีเกิน 1 ใน 3 แถมยังมีปัญหาด้านการเงินจนเสี่ยงที่จะล้มละลายภายในไม่เกินสิ้นปีนี้อีก หากไม่มีใครมาช่วยเหลือด้านเงินทุน หรือบริษัทไม่สามารถกระตุ้นยอดขายรถยนต์ของตนเองให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งได้
ดังนั้น การที่ทาง Nissan จะทุ่มเงินที่มา มาซื้อหุ้นคืนจาก Renault ให้ทันก่อนการตัดสินใจร่วมทุนกับทาง Honda ไม่ใช่เรื่องง่านเท่าไหร่นัก เว้นเสียแต่ว่าจะทาง Honda จะตัดสินใจซื้อหุ้นของ Nissan ที่มีอยู่ในมือของ Renault ไว้เสียเอง เพราะดูเหมือนฝ่ายหลังสุด ก็อาจมีความต้องการที่จะขายมันให้กับทางฝ่ายต้นทางอยู่แล้วเช่นกัน ตามตามแนะนำของ Carlos Ghosn อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Nissan และ Renault