Home » ส่องอนาคต “Honda” ผันตัวมากกว่า แค่ บริษัทรถ สู่ผู้นำ ทางการเดินทาง
ข่าวสารยานยนต์

ส่องอนาคต “Honda” ผันตัวมากกว่า แค่ บริษัทรถ สู่ผู้นำ ทางการเดินทาง

จะว่าไป ตั้งแต่ค่ายจีน เข้ามาบุกทำตลาด ราว กับ มาเปิด China town อุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย ค่ายรถยนต์ถูกกังขา ถึงชะตาในวันหน้า เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่ปรับตัว ปันใจ พวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

เคสอย่าง โกดัก โนเกีย และอื่นๆ อีกมากมาย ถูก ยกขึ้นมาแซว โดยชาวโซเชี่ยลได้ ทุกวัน ไม่ว่าจะด้วยการหวังผลอะไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ ทำให้หลายคนเริ่มสะท้อนเห็นถึง อนาคตวันหน้าอยู่บ้าง

ฮอนด้าเอง ก็เป็นแบรนด์ รถยนต์ที่อยู่คู่คนไทยมานาน ตลอดหลายปี ฮอนด้าครองแชมป์ ในกลุ่มรถยนต์นั่ง หรือ Passenger Car และยังคงเป็นอย่างทุกวันนี้ มียอดขาย ติดลำดับต้นๆ ทั้งที่ยังไม่มีรถกระบะวางขาย แต่การมาของคู่แข่ง ก็ค่อนข้างทำให้หลายคน หวั่นใจ ในฮอนด้า วันนี้เราจะมาเปิดโลกเบิกเนตรไปพร้อมกัน ครับ

การปรับตัว !!

ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มเข้ามาบุกตลาดประเทศไทย ทั้งยังได้อานิสงค์ สิทธิทางภาษี จากข้อตกลง เขตการค้าเสรีไทย-จีน ทำให้ คนไทยจำนวนมาก เริ่มหันเห จากการต้องกัดฟันทนสุ้ ใช้น้ำมัน เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทน

ในงาน Japan Mobility Show 2023 ฮอนด้า ได้ประกาศครั้งสำคัญ ในการปรับตัวทำธุรกิจ พร้อม แนะนำ Global Brand Slogan , The Power of Dreams – How we move you –

ภายใต้สโลแกนนี้ มีความหมายสำคัญ ในการยืนยัน การผลักดัน ขับเคลื่อนแบรนด์ สู่อนาคตยุคใหม่ ที่ใช้ความฝันของพนักงานทุกคน มาเป็นแรงขับองค์กร โดยต่อจากนี้ จะแนะนำผลิตภัณฑ์ ที่หลากหลาย ไปพร้อมกับ การขับเคลื่อนหัวใจ คนลูกค้า ในเวลาเดียวกัน

ภายใต้ สโลกแกนนี้ ประกอบด้วย นิยาม 2 คำ คือ “ก้าวข้าม (Transcend) ขีดจำกัดต่าง ๆ เช่น เวลาและสถานที่” และ “เพิ่มพูน (Augment) ศักยภาพและโอกาสของพวกเขา”

มันถูกสะท้อน ออกมา เป็นส่วนสำคัญ ของ บุธจัดแสดง ในงาน Japan Mobility Show 2023 ที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ภายใต้ แนวคิด Honda Dream Loop ที่แสดงผลิตภัณฑ์และแนวคิด ที่จะก้าวไปในแนวคิดใหม่ ของบริษัท ทั้ง 2 ข้อ

<การก้าวข้าม >

  • SUSTAINA-C Concept และ Pocket Concept

Concept model ของรถยนต์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เปิดตัวครั้งแรกในโลก ในงานนี้ แม้ว่า จะมีรายละเอียดไม่มาก ตแ่จุดเด่นอยู่ที่ การมุ่งเน้นใช้ทรัพยากรหมุนเวียน โดยพาหนะทั้งสองจะผลิตจากเรซินอะคริลิกที่ผ่านการรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

  • SC e: Concept เปิดตัวครั้งแรกในโลก

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ออกแบบเพื่อช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามขีดจำกัดด้านเวลา ติดตั้งแบตเตอรี่ Honda Mobile Power Pack e: จำนวน 2 ยูนิต ซึ่งเป็นแบตเตอรี่แบบถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอชาร์จ อีกทั้งเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมและขยายการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยรถจักรยานยนต์รุ่นนี้ยังมอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง นุ่มนวล มีเอกลักษณ์ในสไตล์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน  

  • Honda Specialty Sports Concept

เปิดตัวครั้งแรกในโลกรถสปอร์ตไฟฟ้า concept ที่จะช่วยเปิดประสบการณ์ให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสกับความสนุกสนาน และความเพลิดเพลินในการขับขี่อย่างแท้จริง โดยก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อความเป็นกลางทางด้านคาร์บอน และความนิยมของเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ

  • HondaJet/Honda eVTOL*1  

อากาศยานจากฮอนด้า ที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึง “การขับเคลื่อนแบบสามมิติ” ได้อย่างแท้จริง เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนบนพื้นดิน เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของสถานที่และระยะทาง โดยได้จัดแสดงแบบจำลองภายในห้องโดยสารของ HondaJet Elite II เครื่องบินเจ็ตธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ภายในห้องโดยสารของ HondaJet ได้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงแบบจำลองภายนอกขนาด 1:5 ของ Honda eVTOL รวมถึงกังหันก๊าซไฮบริด (Gas Turbine Hybrid System)

  • ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ Honda Mobile Power Pack e: 

ด้วยคุณสมบัติการจัดเก็บและพกพาพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดในแบตเตอรี่ MPP ที่ถอดเปลี่ยนได้ ช่วยให้ผู้คนสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของทรัพยากรที่จำกัด ในการใช้พลังงานในสถานที่หรือสถานการณ์ต่าง ๆ อีกทั้งตอบโจทย์ในด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และอิสระในการเคลื่อนที่และการใช้ชีวิตประจำวัน

<เพิ่มพูนศักยภาพและโอกาส>

  • Honda CI-MEV เปิดตัวครั้งแรกในโลก

โมเดลสาธิตของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 2 ที่นั่ง 4 ล้อ ผสานการใช้เทคโนโลยี Cooperative Intelligence (CI) ของฮอนด้า และเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ มอบการขับเคลื่อนที่เข้าถึงง่ายจนถึงปลายทางสำหรับทุกคน ตามความมุ่งมั่นของฮอนด้า ในการเพิ่มและขยายขอบเขตของผู้คนให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขอบเขต โดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัดในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ

  • ยนตรกรรมขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า (Honda Autonomous Work Vehicle) เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น

โมเดลสาธิตของยนตรกรรมไร้คนขับที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลายผ่านทางอุปกรณ์เชื่อมต่อต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสของผู้คนในการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ และปรับปรุงเพื่อทำงานต่าง ๆ แทนมนุษย์ ในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์อาจประสบปัญหาในการปฏิบัติงานดังกล่าว

  • หุ่นยนต์ Honda Avatar Robot

หุ่นยนต์อวาตาร์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานก้าวข้ามข้อจำกัดของเวลาและสถานที่ และเพิ่มขีดความสามารถและความเป็นไปได้ของผู้คน โดยความโดดเด่น คือ มือหุ่นยนต์หลายนิ้ว ซึ่งพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีที่ฮอนด้าสั่งสมมาจากการวิจัยด้านหุ่นยนต์ รวมถึงอาซิโม (ASIMO) และเทคโนโลยีการควบคุมระยะไกล iองรับระบบ AI ทำให้หุ่นยนต์ Honda Avatar Robot สามารถอำนวยความสะดวกผู้ใช้ในการทำงานและสัมผัสสิ่งต่าง ๆ จากระยะไกลได้คล่องแคล่ว ราวกับว่าพวกเขาอยู่ที่นั่นด้วยตนเอง 

  • UNI-ONE

พาหนะเคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบนั่งโดยไม่ใช้มือบังคับ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยหุ่นยนต์ของฮอนด้า และระบบล้อขับเคลื่อน Omni Traction Drive ของฮอนด้า ซึ่งเป็นกลไกของฮอนด้าที่ช่วยให้สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้อย่างสะดวกง่ายดาย เพียงโน้มตัวในขณะนั่ง และเคลื่อนตัวราวกับว่ากำลังเดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวสามารถขยับและเคลื่อนที่ได้ 

  • ผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนอื่นของฮอนด้าที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในชีวิตของผู้คน
  • รถต้นแบบเพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ mini-BEV และ Power Exporter e: 6000 อุปกรณ์จ่ายพลังงานไฟฟ้าแบบพกพา

อีกทั้งผลิตภัณฑ์ด้านการขับเคลื่อนและบริการที่ริเริ่มจาก IGNITION หน่วยสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ของฮอนด้า ที่ก่อตั้ง เมื่อปี 2017

  • Ashirase – สายรัดในรองเท้าพร้อมระบบนำทาง สำหรับผู้พิการทางสายตา (Ashirase Inc.)
  • Striemo – สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสามล้อสำหรับหนึ่งคน (Striemo Inc.) 
  • RAIL ACTIVE-e bicycle – รถจักรยานไฟฟ้า ที่ติดตั้งระบบ SmaChari ซึ่งจะเชื่อมต่อและช่วยเหลือผ่านระบบไฟฟ้า (Y. International., inc.) โดย SmaChari จะเป็นเทคโนโลยีแรกที่มาจากหน่วยงาน IGNITION ที่จะทำการค้าภายใต้แบรนด์ฮอนด้า

จากภาพรวมของ บูธในงาน จะเห็นได้ว่า วันนี้ พอพูดถึง คำว่า “Honda” พวกเขา ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของรถยนต์ หรือ กระทั่ง รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ฮอนด้า ยังคิด สิ่งที่อยู่นอกกรอบ จากที่เรารู้จัก เพื่อสอดรับกับการใช้ชีวิต ในอนาคต เหมือนการเปลี่ยนถ่าย ไปสู่ การเป็น Tech Company มากกว่า การเป็นเพียง บริษัทในอุตสาหรรมยานยนต์เท่านั้น

Honda e:NY

แต่ผม เชื่อว่า หลายคน จะมองว่า แล้วในยุคนี้ ที่คนมองหารถยนต์ไฟฟ้า ฮอนด้า ไม่คิด จะนำเสนอเลยหรือ

คำตอบเรื่องนี้ มีอยู่แล้วครับ และมัน คือว่าที่รถยนต์ไฟฟ้า รุ่นใหม่ ที่เตรียมจะวางขายในอนาคต ในนาม Honda e:NY นั่นเอง

นี่คือรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะมาขายในไทยในอนาคต อันใกล้นี้ ให้ลูกค้าชาวไทย ได้จับจองกันอย่างแน่นอนอ

ตัวรถออกแบบให้ มีระยะ overhang ด้านหน้าสั้น ล้อขนาดใหญ่และฐานที่กว้าง เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจในสไตล์รถ SUV ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวและเป็นเอกลักษณ์ และกระจังหน้าที่มีผิวสัมผัสเรียบ ทําให้ e:Ny1 มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยการออกแบบเส้นสายรอบคันอย่างกลมกลืน

เส้นสายของ LED แนวยาวใต้แนวฝากระโปรง เชื่อมต่อกับไฟหน้า โดยจะแสดงสถานะขณะกำลังชาร์จไฟในรูปแบบเฉพาะตัวช่องชาร์จไฟอยู่หลังแผงกระจังหน้า สามารถหมุนเปิดเข้าด้านในเพื่อทำการชาร์จไฟ อยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของกระจังหน้า ทำให้สามารถชาร์จไฟได้สะดวกจากทั้งสองฝั่งของตัวรถ

โครงสร้างตัวถังของฮอนด้า e:Ny1 ใช้โครงสร้างแบบเดียวกับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี โดดเด่นในสไตล์สปอร์ตคูเป้ มาพร้อมเส้นสาย belt line และ character line ที่เฉียบคม พื้นผิวเรียบเนียน ลวดลายการออกแบบที่เรียบง่าย เป็นระเบียบ อีกทั้งจัดวางมือจับประตูหน้าและการซ่อนมือจับประตูหลังไว้ด้วยดีไซน์ที่กลมกลืนรอบคัน จากด้านหน้าสู่ด้านท้าย

ไฟเลี้ยวด้านหลัง ไฟเบรก และไฟถอยหลัง ได้รับการออกแบบให้อยู่ในชุดโคมเดียวกัน พร้อมเส้นไฟท้ายที่ยาวเต็มพื้นที่ ช่วยให้ดีไซน์ด้านหลังดูกว้าง และให้รูปลักษณ์ที่ดูมั่นคง

ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดตัวอัตลักษณ์ใหม่ของยนตรกรรมไฟฟ้าจากฮอนด้า โดยฮอนด้า e:Ny1 ใหม่ จะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ H Mark สีขาว ที่ด้านหน้า ตรงกลางฝาครอบล้อ และพวงมาลัย นอกจากนี้ ยังมีการเลือกใช้ฟอนต์ใหม่ฃเน้นชื่อแบรนด์ฮอนด้าด้านหลัง ให้ลุคที่สดใหม่ พรีเมียม และจะถูกนำมาใช้กับรถไฟฟ้าทั้งหมดของฮอนด้าในอนาคต

ภายใน มอบทัศนวิสัยในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ครบถ้วน ได้ทำการออกแบบคอนโซลกลางใหม่ การจัดวางปุ่มเกียร์ที่เรียบง่าย เข้ากับสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า ทั้งหมดอยู่ในตำแหน่งที่คนขับจะเอื้อมถึงได้ง่าย รวมทั้งที่ชาร์จไฟแบบไร้สายด้วย

หน้าจอสัมผัสขนาด 15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง ช่วยให้เข้าถึงเมนู Infotainment ต่าง ๆ ได้ง่ายผ่านการแบ่งโซนใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะรุ่นนี้ พร้อมด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว สะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบภายในที่เรียบง่าย สะอาดตาและเป็นระเบียบ 

เบาะนั่งด้านหน้าได้รับการพัฒนาโดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและหรูหรา ด้วยแผ่นรองยูรีเทนแบบหนา ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่พร้อมโอบรับสรีระในช่วงเร่งความเร็วหรือเข้าโค้ง โดยวัสดุหุ้มเบาะมีให้เลือกแบบหนังสังเคราะห์สีดําหรือสีเทาอ่อนขึ้นอยู่กับสีภายนอก

ฮอนด้า e:Ny1 ยังมอบความอเนกประสงค์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้หลากหลาย ฝากระโปรงท้ายต่ำและพื้นราบด้านหลังช่วยให้สามารถขนสัมภาระเข้าออกได้ง่าย สามารถจุสัมภาระได้สูงสุด 361 ลิตร และหากพับเบาะลงจะเพิ่มขึ้นเป็น 801 ลิตร เมื่อบรรทุกถึงแนวหน้าต่างด้านหลัง และได้สูงสุดที่ 1,176 ลิตร เมื่อนำสัมภาระใส่จนเต็มพื้นที่ด้านหลังจนชนเพดานห้องโดยสาร

ฮอนด้า e:Ny1 ยังเป็นยนตรกรรมฮอนด้า แนะนำเทคโนโลยี HMI เป็นครั้งแรก เทคโนโลยีขั้นสูงเน้นผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง ด้วย interface ที่ใช้งานง่ายมากขึ้น ไฮไลต์ที่สำคัญ ได้แก่ หน้าจอสัมผัสขนาด
15.1 นิ้ว บริเวณคอนโซลกลาง และมาตรวัดแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 10.25 นิ้วที่รวมฟังก์ชันการใช้งาน
การแสดงข้อมูล Infotainment และข้อมูลการขับขี่ ที่พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่กับรถยนต์และโลกภายนอกได้อย่างไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ ระบบยังรองรับแอปพลิเคชันต่าง ๆ รวมถึง Apple Car Play ไร้สาย และ Android Auto พร้อมด้วยฟังก์ชัน Wi-Fi ในรถยนต์ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ Over-the-air ที่สามารถอัปเดตฟังก์ชันและแอปต่าง ๆ ได้จากระยะไกล เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถจะได้รับการอัปเดตการทำงานของระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอโดยไม่ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการ

ในเรื่องการขับขี่ Honda e:Ny มาพร้อม แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 68.8 kWh วิ่งได้ไกลสูงสุด 412 กม. (ตามมาตรฐาน WLTP) และชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ 10% ไปถึง 80% โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที

และมีความสามารถในการเติมไฟจนวิ่งต่อได้ 100 ก.ม. ในระยะเวลาเพียง 11 นาที เท่านั้น

ไม่เพียงเท่านี้ตัวรถ ยังรอง ได้รับ ระบบ Honda Sensing ที่มาพร้อมกล้องและโซนาร์ รุ่นล่าสุด โดยมี ซนเซอร์โซนาร์ 12 จุดรอบคันรถ แบ่งเป็น 4 จุดที่บริเวณกันชนหน้าและหลัง และด้านข้าง ข้างละ 2 จุด ที่สามารถตรวจจับวัตถุ เช่น อาคาร และพาหนะอื่น ๆ ด้วยความแม่นยําสูง ระบบกล้องและโซนาร์จะทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับความปลอดภัยโดยรวม ทำให้ ฮอนด้า e:Ny1 สามารถระบุสัญลักษณ์บนพื้นถนนและริมถนนที่ไม่มีเส้นได้ ซึ่งรวมถึงรถจักรยานยนต์ นักปั่นจักรยาน และยานพาหนะอื่น ๆ 

Honda Sensing 360 มาตรฐานใหม่ ความปลอดภัยวันหน้า

ไหนๆ ก็พูด ถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ฮอนด้า ก็ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ ที่ให้ความสำคัญ ในเรื่องนี้มายาวนาน เทคโนโลยี Honda Sensing มาจากความตั้งใจของ ฮอนด้า ในการมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2593 ด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย

  • ฮอนด้าเซนส์ซิ่ง 360 (HondaSENSING360)

ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ ด้วยระบบการตรวจจับสภาวะผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผู้ขับขี่และสภาพแวดล้อมโดยรอบตัวรถ ช่วยลดความเสี่ยงในการเฉี่ยวชนและเกิดอุบัติเหตุ โดยจะเริ่มเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ นี้ในรถยนต์ที่จำหน่ายทั่วโลกภายในปี 2567

  • ฮอนด้าเซนส์ซิ่งอีลิท (Honda SENSING Elite)

ส่วนขั้นสุดของ เทคโนดลยี ความปลอดภัย ฮอนด้า มีชื่อว่า Honda Sensing Elite ระบบนี้ ถูกพัฒนาเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและราบรื่นในทุกเส้นทางตั้งแต่ออกจากบ้านไปสู่จุดหมายปลายทาง ซึ่งรวมถึงเส้นทางที่ไม่ได้เป็นทางด่วนด้วย

โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการจดจำและความเข้าใจที่ได้รับจากเทคโนโลยี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ต้นแบบของฮอนด้า โดยจะเริ่มแนะนำเทคโนโลยีใหม่ทั่วโลกในช่วงกลางทศวรรษ 2020

ที่จริงแล้ว ฮอนด้า พัฒนาเทคโนโลยี Honda Sensing ขึ้นมา เพื่อความสะดวกสบสา ยและความปลอดภัยมากขึ้น โดย ฮอนด้า มีเป้าหมายสำคัญ ในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลก ลงให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2573 ด้วยการตั้งเป้าหมาย:

  • ติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่นทั่วโลก (รวมทั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 และฮอนด้า
    เซนส์ซิ่ง อีลิท) พร้อมฟังก์ชันการตรวจจับรถจักรยานยนต์ภายในปี 2573
  • ติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 ให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมดในตลาดหลัก ภายในปี พ.ศ. 2573

จากโกลบอล สโลแกน ของฮอนด้าทั่วโลกในด้านความปลอดภัย SafetyforEveryone” ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุสำหรับทุกคนที่ใช้ถนนร่วมกัน ผ่านการทำวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยปัจจุบัน ฮอนด้าติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ในยนตรกรรมรุ่นที่ผลิตเพื่อการจำหน่ายเป็นจำนวนมาก คิดเป็น 99% ของยนตรกรรมฮอนด้ารุ่นใหม่ที่จำหน่ายในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และ 86% สำหรับตลาดทั่วโลก โดยมียอดขายสะสมรถยนต์ที่ติดตั้งฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อยู่ที่ 14 ล้านคัน

Honda launches next generation Honda SENSING Elite safety system with Level 3 automated driving features in Japan

หลายคน อาจจะไม่ทราบมาก่อนว่า ระบบ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Traffic Jam Pilot ที่พัฒนาสำเร็จ ในพ.ศ. 2564 มีคุณสมบัติรองรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 เป็นรายแรกๆ

Enhanced Safety of Vehicle (ESV) พัฒนาหัวก้าวหน้า รถปลอดภัย เป็นไปได้

อย่างที่เรากล่าวไปว่า ฮอนด้า มีความมุ่งมั่น ในการสร้างสังคมปลอดอุบัติเหตุ และลดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์และรถยนต์ฮอนด้าทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ตามเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ. 2593

ฟังแล้ว เป็นเรื่องยาก และไม่น่าเป็นไปได้ หากในรั่วฮอนด้า มีความพยายามในเรื่องดังกล่าว โดยใช้2 เทคโนโลยีหลัก เพื่อบรรลุเป้าหมาย ได้แก่

  • เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI-powered Intelligent Driver-Assistive Technology) ที่สามารถให้การช่วยเหลือที่เหมาะสมกับความสามารถและการใช้งานของผู้ขับขี่แต่ละคน โดยช่วยลดความผิดพลาดและความเสี่ยงในการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
  • พร้อมด้วยเทคโนโลยีเครือข่ายสนับสนุนความปลอดภัยในการขับขี่ (Safe and Sound Network Technology) ที่เชื่อมต่อผู้ใช้ถนนทั้งหมดเข้าด้วยกัน ทั้งผู้คนและผลิตภัณฑ์เพื่อการขับเคลื่อนทั้งหมด ผ่านระบบโทรคมนาคม เพื่อช่วยคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และช่วยคนให้เลี่ยงความเสี่ยงนั้น ๆ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุได้

นอกจากนี้ ยังวางแผนงาน ขยายการใช้งานฟังชั่น ตรวจจับรถจักรยานยนต์และปรับปรุงฟังก์ชันต่างๆของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistant System – ADAS)

รวมถึง จะขยายการติดตั้ง ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง 360 (Honda SENSING 360) ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยรอบทิศทางและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ให้ครอบคลุมรถยนต์ทุกรุ่นที่จะวางจําหน่ายในตลาดหลักทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2573  พร้อม ขยายการใช้งานฟังก์ชัน ให้ดียิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ บริษัท มีแนวคิด จพัฒนา เทคโนโลยีความปลอดภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ไปใช้ให้ครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีความปลอดภัย (Honda Safety EdTech)

  • 1) ความปลอดภัยที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล:

ตั้งเป้า “ลดความผิดพลาดของมนุษย์ให้เป็นศูนย์” เมื่อขับขี่ด้วยยานยนต์ที่ติดตั้ง “เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driver-Assistive Technology)”

  • 2) ผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันได้อย่างปลอดภัย

สร้างสรรค์เทคโนโลยีเครือข่ายสนับสนุนความปลอดภัยในการขับขี่ (Safe and Sound Network Technology) ที่เชื่อมโยงผู้ใช้ถนนทั้งหมดด้วยระบบการสื่อสารโทรคมนาคม

ฮอนด้าตั้งเป้าที่จะนําเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้งานจริงหลังจาก พ.ศ. 2573 โดยจะสร้างระบบและตรวจสอบประสิทธิภาพในการใช้งานให้เสร็จสมบูรณ์ในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ 2020 จากนั้น จะเร่งสร้างร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรม พร้อมภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020

เป็นไงบ้างครับ จากทั้งหมด จะเห็นว่า ฮอนด้า มีความตั้งใจในการมุ่งสู่อนาคตที่เป็นมิตร และตอบสนองต่อทุกคน ไม่ว่าจะการพัฒนายนตรกรรม อย่างยั่งยืน และครอบคลุม รอบด้าน

มีความพร้อมในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่สนใจ และค้องการเป็นเจ้าของ

และท้ายสุด ตั้งใจ ทำให้ถนนมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยอาศัย ความเป็นเอก ในการพัฒนา ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อมุ่งสู่การลดอุบัติเหตุ ให้เป็นศูนย์ ได้ในกลางทศวรรษนี้ นับเป็นบริษัท ที่พร้อมจะสร้างสรรค์มากกว่าการเปลี่ยนผ่าน เหมือนสโลแกนใหม่ ของบริษัท



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.