กลายเป็นประเด็นแทบจะในทันที เมื่อมีกรณีของ รถกระบะ Isuzu D-Max ขับชนท้าย รถยนต์สุดหรู Rolls-Royce จนตกเป็นข่าวครึกโครมในโซเชี่ยลในเวลานี้
ไม่ว่าเคสนี้จะเป็นด้วยความประมาท หรือ อุบัติเหตุ แต่ด้วยจำนวนรถยนต์นั่งสุดหรู ที่มีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน ใครจะไปรู้ เมื่อโชคไม่เข้าข้าง เราอาจเผลอไปสอย รถยนต์หรูราคาแพงเหล่านี้ก็ได้ เมื่อถึงวันนั้น เราหวังว่า บทความหรือ โพสนี้ จะช่วยให้คุณวางใจกังวลใจ มากขึ้น ไม่มากก็น้อย
และนี่คือข้อมูล เท่าที่เราถามมาจาก ประกันภัยรถยนต์ ทั้งหลาย
แล้วควรทำอย่างไร หลังชน
เรารู้ว่า การชนรถหรู เป็นเรื่องอะไรที่น่าเครียด แต่ ก่อน อื่นตั้งสติ ครับ
เริ่มจาก สำรวจประกันภัย ของรถคุณว่า ยังอยู่ในวาระการคุ้มครองหรือไม่ จะได้ผ่อนหนักเป็นเบา และที่สำคัญ ประกันของเรา เป็นชั้นไหน ประเภทไหน อ่านให้ลึก ถึงวงเงินคุ้มครอง ว่ามีเท่าไรด้วยครับ
และสำคัญ แจ้งประกันภัยของคุณทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้พนักงานเคลม มาเก็บเคสการชนของคุณ และ ออกใบเคลมให้คู่กรณี จะได้เบาใจไปเปราะหนึ่ง แต่แน่นอน เรื่องยังไม่จบครับ
***กรณีไม่มีประกันภัย ต้องทำอย่างไร
ในกรณี ไม่มีประกันภัย สามารถทำได้ 3 ทาง ครับ ดังนี้
1.เจรจากันเองกับคู่กรณี โดยตรง
2.เจรจาไกล่เกลี่ย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพยาน (ต้องไปเจอกันที่ สน.)
3.เจรจา รับผิด กับประกันภัยของคู่กรณี เพื่อเข้าสู่กระบวนการชดใช้ กับทางประกันภัยของลูกค้า
ไม่ว่าทางใด หนทางสุดท้าย ยังไงเสีย ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่คุณถูกพิสูจน์ ว่าเป็น ฝ่ายผิด
แต่กรณีที่ ต่างคนต่างผิด แล้วเกิดอุบัติเหตุ หรือทางเทคนิค เจ้าหน้าที่ จะใช้คำว่า “ประมาทร่วม” (เพื่อให้เข้าใจง่าย) หากพิสูจน์ได้ ก็อาจจะกลายเป็นต่างคนต่างซ่อม ต้องอยู่ในดุลยพินิจ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าจะตัดสินอย่างไร และ คู่กรณียอมความคุณไหม
สำคัญสุด คุณจะยอมรับไหมว่า คุณผิด ในบางเคส มีความหมื่นเหม่ ตรงนี้ คนจะพิสูจน์ฟันธง ก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรประจำท้องที่ ที่เกิดเหตุ
ในกรณี ไกล่เกลี่ยไม่จบลงตัวไม่ได้ จะเป็นการขึ้นศาลจราจร ตามระเบียบการสอบสวนของทางตำรวจต่อไป ก็ไปวัดดวง ว่า จะชี้ความผิดเป็นแบบใด ซึ่งอาจจะแตกต่างจาก การสอบสวน และชี้มูล ของเจ้าพนักงานก็ได้
ถ้า คู่กรณี มีประกัน คุณไม่มี
อย่างไรก็ดี , ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ในกรณี ข้อ 3 ครับ ,คู่กรณีมีประกัน ซึ่งรถราคาแพงมักจะมีประกันภัยอยู่แล้ว แต่คุณ ที่เป็นคู่กรณีเขาไม่มี ต้องทำอย่างไร
เรื่องนี้ จะตรงกับ ข้อ 3 ตามที่เราพูดถึง มาก่อนหน้านี้ เมื่อประกันออกการเคลมให้กับคู่กรณี และเรายอมรับผิด ว่าเป็นคนผิด จากอุบัติเหตุดังกล่าว (ไม่ว่าจะ ณ ที่เกิดเหตุ หรือจากการชี้มูลความผิด ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ)
โดยมากจะ เป็นไปตามนี้ครับ
อย่างแรก รถหรูที่คุณชนจะทำการเข้าประเมินราคา และ เข้าซ่อม ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ราคาประเมิน และราคาซ่อมเสร็จจริง อาจมีความคลาดเคลื่อน จากหลายปัจจัย ประกอบ
ระหว่างนี้ ทางประกันภัยจะติดต่อคุณอย่างต่อเนื่อง เพื่อแจ้งผลการซ่อมรถคู่กรณี ก็ดำเนินการใช้ชีวิตไปตามปกติ จนเขาสรุปยอดทั้งหมด กับคุณ
ทีนี้มาถึง ขั้นตอนสำคัญ คือการชดใช้ค่าเสียหาย ทุกคนต่างรู้ดีว่า ถ้าค่าเสียหายแพง หลายแสน หลายล้านบาท ไม่มีทาง ที่คุณจะกำเงินก้อน แล้วจ่ายชดใช้ค่าเสียหายได้เลย อยู่แล้ว
ต้องบอกก่อนว่า แต่ละ บริษัทประกัน มีกระบวนการในเรื่องนี้ไม่เหมือนกันครับ แต่โดยมาก ถ้าไม่ทำสัญญาชำระค่าเสียหาย ก็จะเป็นการฟ้องร้องทางแพ่ง แก่เรา ในฐานะคู่กรณี ให้ชดใช้ค่าเสียหาย
ก็แน่นอนว่า คุณต้องไปไกล่เกลี่ยชั้นศาล ไม่ได้ ก็ขึ้นศาล ให้ศาลตัดสินชี้มูลทางแพ่ง ว่าเราต้องชดใช้แบบใด แต่เมือขึ้นศาล ก็ถูกบวก ค่าศาล, ค่าทนาย และดอกเบี้ยตามระเบียบกฏหมาย ด้วย
จุดที่ดีที่สุด ในเรื่องนี้ คือ จบในการขอชำระในขั้นตอน เจรจากับประกัน หรือ จบในขั้นไกล่เกลี่ยก่อนขึ้นศาล
ช่วยลด การขึ้นศาลเสียเวลา และ ค่าดอกเบี้ย ค่าศาลครับ เพราะ อย่างไร ต้องชดใช้ อยู่แล้ว
กรณี คุณมีประกัน แต่ ไม่ครอบคลุมค่าเสียหายทั้งหมด
อีกกรณี คือ คุณมีประกันภัย เช่นกัน แต่ความเสียหายเกินวงเงินคุ้มครอง ที่วงเงินจะรับผิดชอบ ในแต่ละครั้ง
ตามหลักแล้ว จะเป็นประกันภัยคู่กรณี (รถที่เราไปชน) ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมจากเรา ที่เป็นคู่กรณี
เมื่อเราได้รับการแจ้งว่า ก็ให้เราไปเข้าประกวนการไกล่เกลี่ย คล้ายกับ กรณี เราไม่มีประกัน ที่เราพูดไปข้างต้น
แตกต่างตรง คุณจ่ายเพียงส่วนที่ขาด ไม่ใช่จ่ายค่าเสียหายทั้งหมด ก็ ให้ตกลงว่าจะชดใช้อย่างไร ในข้อเสนอที่ทั้ง ทางประกัน และคุณยอมรับได้
และเหมือนเดิม ดีที่สุด คือจบในขั้นไกล่เกลี่ย อย่าจบในชั้นศาล เพราะยังไงศาล จะชี้ให้คุณต้องชดใช้เหมือนเดิม แต่จะชดใช้แบบไหนอย่างไร และคู่กรณี สามารถดำเนินการส่งให้บังคับคดีได้ด้วย ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่นอนในระยะยาว
จากทั้งหมด จะเห็นได้ว่า ถ้าคุณชนรถหรู ก็ไม่ใช่ว่า ชีวิตจะสิ้นเนื้อประดาตัวไปทั้งหมด จนต้องขายรถ กลับมาเป็นคนเดินดิน เพราะทางกฏหมาย ไม่ได้บังคับ ว่าคุณต้องขายรถ แต่บังคับว่าคุณ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย จากการกระทำของคุณเท่านั้น
ทุกปัญหา มีทางออกและทางแก้ไข แต่ท้ายสุด ในกรณี คุณเป็นฝ่ายผิด ยังไง ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายอยู่ดี ในทางใดทางหนึ่ง
บทความนี้ไม่ได้สร้างขึ้น เพื่อให้คุณ กระทำการประมาท โดยไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ผมพยายามบอกว่ าปัญหามีทางออก แค่ต้องเข้าใจกระบวนการ
ที่มาภาพอินเตอร์เน็ต