กระบะรุ่นแรกของค่าย BYD พร้อมที่จะเปิดตัวให้ทั่วโลกได้รู้จักพร้อมชื่ออย่างเป็นทางการกับ BYD SHARK หรือฉายาเจ้าฉลามพันธุ์ดุ
ครั้งแรกกับการเผยภาพทีเซอร์ก่อนเปิดตัวจริงสำหรับทายาทลำดับใหม่ของตระกูล Ocean จากการดีไซน์ทั้งหมดผ่านทีมออกแบบทั้ง Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ BYD Yin Yadong, Huang Zuzheng, Huang Jiangrong, Yan Xiaoyu เริ่มที่กระจังหน้าพร้อมตรา BYD ขนาดใหญ่ล้อมกรอบด้วยไฟหน้าแนวตั้ง Dual LED ไฟหน้า DRL แบบ LED รูปตัว C บึกบึนกับชุดกับชนหน้าดีไซน์ลงตัวกับชุดกระจังหน้าสง่าด้วยหลังคารถแบบลอยตัวติดตั้งราวหลังคาและซันรูฟขนาดใหญ่
ด้านข้างเด่นด้วยคิ้วขอบล้อทรงเหลี่ยมกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 18 นิ้ว บันไดข้างดีไซน์กลมกลืนกับคิ้วขายล่างประตู กระบะท้ายดุดันด้วยไฟท้าย LED แนวตั้งลากยาวแนวนอนในชุดกระบะท้าย กันชนหลังดีไซน์กลมกลืนกับตัวถังรถคันนี้สร้างจากแพลต์ฟอร์ม DMO super hybrid off-road platform แบบมีแชสซีส์ขั้นบันไดหรือ ladder-frame architecture
ภายในดุโหดตั้งแต่แผงคอนโซลหน้าดีไซน์แกร่งพวงมาลัยมัลติฟังกชนสามก้าน จอแสดงผลบนคอนโซลหน้า Head Up Display จอมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD จอสัมผัสขนาดใหญ่ในชุดแผงคอนโซลหน้า ช่องแอร์คู่ใต้จอสัมผัสคล้ายกับ BYD Song L พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง ที่คอนโซลเกียร์ พร้อมหัวเกียร์สั้นจับกระชับ เป็นต้น
ขุมพลังเริ่มที่เบนซินเทอร์โบ Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตรพ่วงแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสองตัวให้พลัง 139 แรงม้าในภาคเครื่องยนต์ทำงานร่วมกันจะให้กำลังมากถึง 489 แรงม้า ชาร์จและเติมน้ำมันหนึ่งครั้งวิ่งไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร และอาจมีเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร แบบ EREV หรือ Extended Range Electric Vehicle ที่ใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟและแบตเตอรี่ กับมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานเป็นหลัก สามารถเสียบปลั๊กแบบ Plug In Hybrid ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า Quad-Motor หรือ มอเตอร์ไฟฟ้าอิสระสี่ตัวกระจายกำลังจากแต่ละล้อไปรวมกันทั้งหมดสี่ล้อจากมอเตอร์ไฟฟ้าแต่ละตัวจะป้วนเปี้ยน 299 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ขนาดความจุแบตเตอรี่ 49 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะให้กำลังรวมมากถึง 1,197 แรงม้า แรงบิด 1,280 นิวตันเมตร
ชุดแบตเตอรี่จะอยู่ในส่วนกลางของแชสซีส์ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อควบคุมด้วยไฟฟ้าจะตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเดิม 100 เท่า วิ่งไกลสุดในโหมดทำงานร่วมกันถึง 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จและการเติมน้ำมันหนึ่งครั้งและถ้าขับขี่โหมดไฟฟ้าอย่างเดียววิ่งไกลสุด 180 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จเร็วกระแสตรง DC และชาร์จกระแสสลับ AC ได้ รองรับ V2L เชื่อมต่อการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
เบื่องต้นเตรียมเปิดตัวที่จีนในงาน Beijing Auto Show 2024 ระหว่างวันที่ 25 เมษายน- 4 พฤษภาคม และจะขยายตลาดไปออสเตรเลียในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2024 และรุ่นไฟฟ้าล้วนเปิดตัวในปี 2025 จับตาเมืองไทยจะมาด้วยหรือไม่ต้องติดตาม