Mazda ญี่ปุ่นงานงอกตาม Subaru มาติดๆ หลังล่าสุดพวกเขาออกจดหมายเรียกให้ลูกค้าที่ใช้ 3, 6, CX-5 และ CX-8 นำรถกลับมาตรวจสปริงวาล์ว รวมถึงส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน Mazda ญี่ปุ่นได้ประกาศเรียกคืนรถมาตรวจสอบเป็นจำนวน 235,293 คัน โดยมีตั้งแต่รุ่น Mazda 3, Mazda 6, CX-5 และ CX-8 ที่ผลิตขึ้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2012 ถึง 4 กรกฎาคม 2018 เพื่อเอามาเช็คสภาพความเรียบร้อยของสปริงวาล์ว รวมถึงส่วนอุปกรณ์ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์
รถยนต์ที่เข้าข่ายได้รับผลกระทบจะมีสปริงวาล์ว ส่วนควบคุมเครื่องยนต์ และเซนเซอร์ตรวจจับแรงดันไอเสีย ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมาอาจเกิดความผิดพลาด จนทำให้เครื่องยนต์ดับจนไม่สามารถทำงานต่อได้
ปัญหาที่เกิดขึ้นเราสรุปง่ายๆ 3 ข้อ มีดังนี้
- สปริงวาล์วไอดีมีปัญหาแรงกดไม่พอให้วาล์วปิดสนิท ผลคือเครื่องเสียกำลังอัด พละกำลังของเครื่องลดลง หรืออาจถึงขั้นเครื่องดับ
- จากการที่วาล์วไอดีปิดไม่สนิท ทำให้ส่วนควบคุมเพลาลูกเบี้ยวอ่านค่าผิดปกติ โชว์สัญลักษณ์เตือนรูปเครื่องยนต์ว่ามีความปกติ จนทำให้เครื่องยนต์เข้าสู่ Safe Mode เพื่อป้องกันมิให้เครื่องยนต์เสียหายหนักกว่าเดิม
- ต่อเนื่องจากปัญหาที่สอง ส่งผลให้เซ็นเซอร์ตรงทางเดินท่อไอเสียทำงานผิดปกติ ซึ่งอาการคือ ระบบสตาร์ท/หยุด การทำงานเครื่องยนต์ไม่ทำงาน บางครั้งเกียร์อาจมีอาการกระตุกร่วมด้วย
สำหรับวิธีแก้ไขมีดังนี้
- มาสด้าญี่ปุ่นจะเรียกรถยนต์ทุกคันที่ประกาศไว้กลับมาตรวจสอบ โดยเริ่มจากรถที่มีอายุมากสุดก่อนไล่ไปหารถรุ่นใกล้กับปัจจุบัน โดยผู้ผลิตจะเปลี่ยนสปริงวาล์วให้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
- ต่อมาพวกเขาจะตรวจสอบการทำงานของ ECU ไปจนถึงการตั้งค่าการเปิดปิดไอดี ไอเสียใหม่ทั้งหมด กรณีตั้งค่าใหม่แล้วยังมีไฟเครื่องขึ้นโชว์อยู่ มาสด้าจะเปลี่ยนวาล์วไอดีใหม่ให้
- เช่นเดียวกันกับเซนเซอร์ตรวจจับแรงดันไอเสีย ที่หากตั้งค่าใหม่แล้วไม่หาย มาสด้าก็จะเปลี่ยนอุปกรณ์ส่วนนี้ให้
ในส่วนของรถมาสด้าที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้น คาดว่าต้องรอจนกว่าบริษัทในบ้านเราจะออกจดหมายชี้แจง หรือมีมาตรการเรียกรถกลับไปตรวจสอบเป็นทางการอีกที เอาเป็นว่าผู้อ่านคอยติดตามข่าวสารจากเราไว้ให้ดี
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com