นี่คงเป็นข่าวที่สั่นสะเทือนวงการยานยนต์อย่างมาก เพราะไม่มีใครคาดคิดว่ารถขับขี่อัตโนมัติที่ให้บริการโดย Uber จะเกิดอุบัติเหตุขับไปชนคนที่เดินอยู่ข้างถนนจนเสียชีวิต แน่นอนว่าหลังเกิดเหตุสลดดังกล่าวทางอูเบอร์ก็ได้ยุติการให้บริการรถขับขี่อัตโนมัติชั่วคราว เพื่อสอบสวนปัญหาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรพร้อมกับรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เราทุกคนต่างรู้กันดีว่าในอนาคตรถยนต์บนท้องถนนจะสามารถขับขี่ได้ด้วยตนเอง เรียกว่าแค่นั่นแล้วป้อนข้อมูลว่าอยากไปที่แห่งใดเจ้ารถก็พร้อมจะพาคุณไปถึงยังจุดหมาย แต่ก่อนจะถึงความสบายและปลอดภัยแบบเต็มขั้น แน่นอนว่าจะต้องมีการพัฒนาวิจัยอย่างไม่มีหยุดยั้ง เพื่อทำให้ทั้งคนที่โดยสารบนรถขับอัตโนมัติรวมถึงผู้ใช้รถคันอื่น และคนปั่นจักรยานหรือคนเดินบนทางเท้ามีความปลอดภัย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่รถของ Uber เกิดขับไปชนคนจนเสียชีวิตนั้นถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก
สำหรับเหตุการณ์อันสลดใจครั้งเกิดขึ้นที่เมืองเทมเป้ รัฐอริโซน่า ซึ่งรถขับขี่อัตโนมัติของอูเบอร์ที่วิ่งให้บริการรับส่งผู้โดยสารไปยังสถานที่ต่างๆ เกิดขับไปเฉี่ยวชนคนเดินข้ามถนนจนถึงแก่ความตาย โดยผู้เคราะห์ร้ายเป็นหญิงวัย 49 ที่กำลังเดินจูงจักรยานข้ามถนนช่วงกลางคืนของวันที่ 18 มีนาคม 2018 ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุร้ายรถนาย Rafael Vasquez ผู้นั่งสังเกตุการณ์อยู่หลังพวงมาลัยของ Volvo XC90 ที่เปิดใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติอยู่ให้การว่า รถกำลังใช้ความเร็วที่ 40 ไมล์ต่อชั่วโมงในเขตความเร็ว 35 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะที่ผู้หญิงกำลังจูงจักรยานข้ามถนนนั้นรถยนต์ไม่มีชะลอความเร็วแม้แต่น้อย จนกระทั่งวิ่งชนหญิงผู้นั้นพร้อมจักรยานเข้าอย่างเต็มแรง และเป็นเหตุให้หญิงผู้นั้นเสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังเกิดเหตุการณ์ทางซีอีโอของอูเบอร์ นาย Dara Khosrowshahi ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่าพวกเขากำลังสืบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ แน่นอนว่าทางอูเบอร์รู้สึกเสียใจมากกับเรื่องสลดใจครั้งนี้ และบริษัทจะหาสาเหตุที่เกิดขึ้นแบบตรงไปตรงมา หากดูกันให้ดีจะพบว่ารัฐอริโซน่ามีบรรดาบริษัทจำนวนมากที่นำรถขับขี่อัตโนมัติของตนมาวิ่งทดสอบบนถนนมากมาย แต่ก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต อย่างไรก็ตามต่อจากนี้ผู้พัฒนาทั้งหลายคงต้องมีความรัดกุมในเรื่องรถอัจฉริยะกันมากกว่าเก่า