แม้จะมีข่าวคราวออกมาให้พูดถึงกันตั้งแต่ 2 ปีก่อน แล้วเงียบหายไปพักหนึ่ง แต่ล่าสุด ก็มีแนวโน้มใหม่อีกครั้งที่บ่งบอกว่า JAECOO 7 PHEV กำลังจะได้ฤกษ์ขายไทยในเร็วๆนี้
JAECOO 7 PHEV คือ รถอเนกประสงค์ขุมกำลังไฮบริด-เสียบปลั๊ก จาก Chery ซึ่งถูกเปิดตัวในประเทศจีนมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 โดยจุดขายของมันที่ทางค่ายเน้นย้ำเป็นพิเศษคือเรื่องของขุมกำลัง ระบบไฮบริด SHS (Super Hybrid System) ที่เป็นทางค่ายตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อให้มันมอบสมรรถนะที่ดีทั้งในด้านอัตราการตอบสนอง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
และสำหรับตัวระบบไฮบริดของรถรุ่นนี้ ทาง JAECOO ระบุว่า จะทำงานโดยมี 3 ส่วนประกอบหลักด้วยกัน เริ่มจากเครื่องยนต์ 1.5 TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ ให้ค่าประสิทธิภาพเชิงความร้อนที่สูง ระบายความร้อนได้ดี และอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ แต่ยังพร้อมให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร
ส่วนประกอบถัดมา แน่นอนว่านั่นก็คือมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ ช่วยให้ JAECOO 7 PHEV ทำงานได้อย่างนุ่มนวลไร้รอยต่อ พร้อมมอบประสบการณ์ในการขับขี่ที่เหนือชั้น และยังช่วยให้รถสามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง หากมีแบตเตอรี่มากกว่า 25%
โดยทั้งสองส่วนประกอบข้างต้น เมื่อพวกมันทำงานร่วมกันเต็มกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT ก็จะให้พละกำลังสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิด 545 นิวตันเมตร ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้นเลย หากองค์ประกอบที่ 3 อย่างแบตเตอรี่ Ternary lithium battery ขนาด 19.27 kWh ไม่ได้มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟให้กับตัวมอเตอร์ได้ดีพอ
และนอกจากประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่รวดเร็ว มีสเถียรภาพ ทาง JAECOO ยังระบุอีกว่า พวกเขาได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของตัวแบตเตอรี่ด้วย ทั้งในด้านการทนทานต่อความร้อน ทนต่อแรงกระแทก และกันน้ำ และยังมีฟังก์ชันการป้องกันการปิดเครื่องภายใน 0.002 วินาทีหลังเกิดการชน ทำให้สามารถตัดแหล่งจ่ายไฟได้อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่อุณหภูมิสูงเกินไป และมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์
เมื่อประกอบกับค่าความหนาแน่นเชิงพลังงานต่อน้ำหนักที่ค่อนข้างสูง ทำให้มันสามารถมอบระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะไกลถึง 106 กม. (NEDC) และสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้สูงสุด 3.3 กิโลวัตต์ ในกรณีฉุกเฉิน หรือผู้ใช้ต้องการแคมป์ปิ้งอีกด้วย
นอกจากนี้ ในเรื่องของงานดีไซน์ตัวรถ ก็ยังถูกออกแบบให้ดูเรียบหรู สวยงาม และทันสมัยในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะทั้งภายนอกซึ่งดูคล้ายกับรถอเนกประสงค์สายหรูลุยจากอังกฤษ และภายในห้องโดยสารที่ใส่ฟีเจอร์เข้ามามากมาย อย่างชุดหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 14.8 นิ้ว ซึ่งประมวลผลรวดเร็วด้วยชิปของ Qualcomm รหัส 8155, จอแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD, และพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง กับระบบความปลอดภัยขั้นสูง หรือ ADAS ที่ครบครัน
โดยแม้ข่าวคราวของตัวรถจะเงียบหายไปพักใหญ่ แต่หลังการประกาศเดินไลน์ผลิตในโรงงานที่ประเทศเพื่อนบ้านไทยอย่างมาเลเซียเมื่อกลางปี 2024 ล่าสุดทางค่ายก็ได้เริ่มทำการโปรโมทข้อมูลของตัวรถรุ่นนี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นการบ่งบอกได้อย่างดีว่าพวกเขาใกล้พร้อมแล้วที่จะทำตลาดในบ้านเราเร็วๆนี้ ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะเกิดขึ้นภายในงาน Motor Show 2025 ที่จะจัดในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้เลยก็เป็นได้