นอกจาก KIA Sorento เอสยูวีค่ายที่ประเดิมทำตลาดภายใต้บริษัทแม่จากเกาหลีมาบริหารเองนั้นยังมีรถใหม่อีกหนึ่งรุ่นที่มาโชว์เฉยๆกับ KIA EV9
KIA EV9 เอสยูวีไฟฟ้าลำดับที่สองต่อจาก KIA EV6 ออกแบบทรงกล่องมาตรฐานลอกแบบมาจากต้นแบบโดดเด่นแบบเดียวกับรถยุโรปตั้งแต่ ไฟหน้า LED ทรงตั้งประกบกับกระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์แบบหน้าเสือ หรือ digital tiger face ทรงปิดทึบรับกับคิ้วขอบกระจังหน้าสีเงินโครเมียมแวววาว กันชนหน้าดีไซน์เล่นระดับซุ้มล้อสีดำดีไซน์เหลี่ยมดู คิ้วชายล่างประตูสีดำใส่คิ้วสีเงิน ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียน กระจกมองข้างทรงสปูนแบบมีกล้องข้างรถหรือแบบปกติพร้อมไฟเลี้ยว LED ราวหลังคาเนียนเรียบกับหลังคารถ ไฟท้าย LED แนวยาวเรียวทรงเลขาม กันชนหลังที่ลงตัว สปอยเลอร์บนกระจกหลังดีไซน์ดุดัน เสาอากาศครีบฉลาม ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า โดยตัวรถสร้างจากพื้นฐาน Electric Global Modular Platform (E-GMP)
ภายในให้ความสบายแบบ 6 หรือ 7 ที่นั่ง 3 ตอน โดดเด่นด้วยเบาะนั่งตอนที่ 2 นั่งสบายพับได้แบบ 60/40 และตอนที่ 3 แบบ 50/50 พร้อมพื้นที่สัมภาระท้าย คอนโซลหน้าดีไซน์แนวนนอนพร้อมจอคู่ขนาดใหญ่แบบลอยตัวที่มีทั้งมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้วและจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Display 5 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ไร้สาย อัปเดทซอฟท์แวร์แบบ OTA พร้อม Kia Connect ระบบนำทางและตรวจสอบสถานะรถ ลำโพงมีตั้งแต่ 8 จุด และ 14 จุดจากค่าย Meridian พร้อมปุ่มการใช้งานที่ง่ายๆ จอแสดงข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า HUD เบรกมือไฟฟ้าพร้อมปุ่ม Auto Hold ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ไฟสร้างบรรยากาศ ambient light มากถึง 64 สี เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมแอร์หลัง และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้าน
ขุมพลังไฟฟ้ามาพร้อมสองทางเลือกสองความแรงกับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยความจุแบตเตอรี่ 76.1 kWh ให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.2 วินาที วิ่งไกลสุด 443 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีทั้งแบบกระแสตรง DC ชาร์จเร็ว 10-80% รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 50 kW ชาร์จเร็ว 63 นาที และรองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 350 kW ในเวลา 20 นาที ส่วนการชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า รองรับกำลังไฟในการชาร์จ 11 kW 10-100 % ได้ประมาณ 7 ชั่วโมง
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ด้วยความจุแบตเตอรี่ 99.8 kWh 191 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ในส่วนล้อหน้าและล้อหลัง เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงถึง 384 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6 วินาที วิ่งไกลสุด 505 และ 512 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีทั้งแบบกระแสตรง DC ชาร์จเร็ว 10-80% รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 50 kW ชาร์จเร็ว 83 นาที และรองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 350 kW ในเวลา 24 นาที ส่วนการชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า รองรับกำลังไฟในการชาร์จ 11 kW 10-100 % ได้ประมาณ 9.5 ชั่วโมง
ปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้หลากหลายทั้งแบบ Normal Mode / ECO Mode / Sport Mode และ Smart Mode ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความสปอร์ตในการขับขี่ด้านการชาร์จ หัวชาร์จแบบ CCS Type 2 และ AC แบบ Type 2 ยังชาร์จ V2L สามารถต่อกระแสไฟ จากรถยนต์ไปพ่วงใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้ โดยจะเริ่มผลิตและขายช่วงปลายปี 2023 เข้างาน Motor Expo 2023 ช่วงวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม